บันทึกการออกบวช วันที่ 10

วันที่ 30 พค. 2548 (บ.31/05/2548 exteen.07/10/2548) (วันนี้หลวงพี่นัทสึก เป็นหลวงพี่ที่สอนเราหลายๆ อย่างในขณะบวช) วันนี้เป็นวันพระก็เลยไม่ต้องบิณฑบาตร แต่ว่าต้องทำวัตรนานกว่าปกตินิดนึง พอเสร็จก็ขึ้นมาจำวัดต่อ จำไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเทศน์เลยสะดุ้งตื่น เพราะคิดว่าพวกพระเขาลงศาลากันหมดแล้ว ที่ไหนได้เขาแค่พูดว่าวันนี้เป็นวันอัฐมีบูชา หรือวันที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้ญาติโยมและอาหารมีไม่มากเท่าวันวิสาขะบูชา แต่ก็เยอะกว่าเดินออกบิณฑบาตรเองหลายเท่ามากนัก การฉันแบบนี้อย่าคิดว่าสบายกว่าการบิณฑบาตรนะ ไม่ใช่เลย! เพราะกว่าจะได้ฉันก็ต้องนั่งรอฟังเทศน์ ร่วมชั่วโมงและด้านหน้าก็มีอาหารวางเรียงรายไว้ทดสอบกิเลส เป็นอะไรที่ทรมานพอสมควรสำหรับพระใหม่อย่างเรา ช่วงฉันเพลก็พยายามจะกินอาหารให้ได้ เพราะมันยังอิ่มจากการฉันเช้า (ขึ้นศาลา 7.30 ฉันตอน 8.30 เสร็จ 9.30 เพล 11.00 ใกล้กันมากๆ) มันก็เลยทุกข์ทรมาน ถ้าไม่ฉันก้จะไม่มีโอกาสอีกแล้วในวันนั้น ตอนเที่ยงไปถ่ายรูปมา เพื่อเอาไว้ติดในสัญญาบัตร ตอนแรกพนักงานผู้หญิงบอกให้ไปนั่งรอในห้องแต่งตัว สักพักก็มีผู้หญิงเดินมาอีก 2 คน คนแรกเดินเข้ามาเตรียมของให้ ส่วนอีกคนเดินเข้ามานั่งข้างๆ ในใจก็เริ่มหวาดหวั่นว่าจะต้องให้ผู้หญิงมาแต่งให้พระหรอนี่ แต่พอได้ยินเสียงเท่านั้นแหละ อ๋อ ถึงบางอ้อเลยว่านางผู้นี้มันผู้หญิงเทียม หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็กลับไปเอาของที่บ้าน และแวะเล่น Internet แป๊บนึงก็กลับวัด วันนี้ตอนเย็นฝนตกให้ชุ่มฉ่ำ พอทุ่มครึ่งต้องลงไปเวียนเทียน …

บันทึกการออกบวช วันที่ 9

หลวงพี่เดช (เอ๊ะ หรือหลวงน้าดี) อยากอ่านช่วงที่ผมบวชต่อ ก็ขออัพเพิ่มซะเลย วันที่ 29 พค. 2548 (บ.31/05/2548 exteen.07/10/2548) วันนี้หลวงพี่ที่รู้จักกันชื่อท่านปั๊มสึกออกไป ท่านเป็นศิษย์เอกของพระครูนิภาเลยทีเดียว เพราะนั่งสนทนากับท่านทุกวัน วันละนานๆ วันนี้ฉันเช้าพอสมควรแล้วก็ลงไปเป็นพระลำดับให้พระใหม่ซึ่งท่านมีนามสกุล กาญจนกำแหง (นามสกุลคุ้นมากๆ) ญาติโยมที่มาก็มากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่มีอายุพอสมควร ตอนเริ่มพิธี ต้องนั่งรอพระอุปปัชชา (เจ้าอาวาส) นานพอสมควร เมื่อยขาไปหมด เพราะต้องนั่งพับเพียบ แถมมีการเทศน์สอนนาคอีกประมาณ 40 นาที (พวกหลวงพี่บอกว่า เวลานี้เป้นเวลาเทศน์มาตรฐาน พระดร. เลยทีเดียว) พอเสร็จพธีก็ลงไปฉันเพล และขึ้นมาจำวัด วันนี้ไม่มีอะไรมาก

2 + 2 = 3

ชีวิตมีแต่ความไม่แน่นอนและสับสนวุ่นวาย ดังนั้น 2 + 2 จึงไม่เท่ากับ 4 เสมอไป ในยุคนี้(ควันตัม) อาจจะได้ 3.99999…99998 ก็ได้ ได้แนวคิดจากหนังสือ 2 + 2 = 3 (จำไม่ได้แล้วหละว่าใครแต่ง) + แนวคิดของสนธิ ลิ้มทองกุล

สอบเสร็จสักที

เฮ่อ และแล้ววันนี้ผมก็สอบเสร็จสักที แต่เธอเริ่มสอบวันนี้เป็นวันแรก ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ปกติเวลาไหนๆ แม้แต่ช่วงสอบ เธอก็จะมาอยู่คุยด้วยกัน พอสอบเสร็จเธอก็จะมาบ่นๆๆๆ ว่ามันโครตยากเยย ทำไม่ได้เยย ไปเดิน big c เพื่อไปซื้อหนังสือไว้อ่านช่วงปิดเทอม (ของเก่ายังอ่านไม่หมดเลย สงสัยต้องปิดโหมดการซื้อหนังสือสักพักใหญ่ๆ) กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เจอเด็กวัยรุ่นสองคนชายหญิง เดินจู๋จี๋กัน ขึ้นตัดหน้าเราไป มองไปแว้บนึง น้องผู้ชายพูดๆกับผู้หญิง น้องผู้หญิงเลยเอามือไปแตะๆ แก้มผู้ชาย แล้วยิ้มๆ โอ๊ยยยย ตูล่ะอยากกระโดดถีบให้หัวใจมันกระจาย… เจอแบบนี้เครียดเลย คิดถึงเธอจริงๆ คิดถึงวันเ่ก่าๆ อยากให้วันใหม่มีเธอและมีเราเหมือนเดิม

“รักครั้งแรก ใช่จะผิดหวังเสมอไป”

อ่านแล้วก็ต้องร้องไห้จริงๆ >> >> >อ่านแล้วต้องร้องไห้ >> >> >”รักครั้งแรก >> >>ใช่จะผิดหวังเสมอไป >> >> >มีคนเคยบอกว่า ความรักมีอยู่ 3 แบบ >> >> >1. รัก >> >>เพราะหลง >> >> >2. รักเพราะอ่อนไหว >> >> >3. รักเพราะเข้าใจ >> >> >และยังมี >> >>คนบอกอีกว่า >> >> >รักครั้งแรกส่วนมากจะเป็นรักเพราะหลงและมักจะไม่สม >> >>หวัง >> >> >แต่สำหรับผมแล้วรักครั้งแรกเป็นรักที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดใน >> >>ชีวิตของผม >> >> >…ผมชื่อ แทน เรียนปี 3 อยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง >> >> >ผมต้อง >> …

Exit mobile version