วันที่ 21 พค. 2548 (บ.23/05/2548 exteen.18/06/2548)
วันนี้ต้องตื่นเช้ามาก แต่กว่าจะตื่นก็ 6 โมงเช้าแล้ว เพราะว่าเมื่อคืนนั่งคุยกับพวกญาติๆ ที่มาจาก กทม และต่างจังหวัดหลายคนเหมือนกัน กว่าจะได้หลับก็ประมาณ ตี 2 ได้ เลยซัดยาพาราไป 1 เม็ด เพราะรู้สึกว่าจะมีอาการปวดหัวเล็กน้อย
ตอนเช้าที่บ้านวุ่นวายมาก พอมาถึงวัดเราก็เลยช่วยจัดโต๊ะจัดที่ทาง เดินไปเดินมา สักพักก็มีคนมาบอกให้เราไปที่หลังหอระฆังเพื่อปลงผม รู้สึกว่าเร็วมากไม่ทันตั้งตัวเลย ต้องนั่งถอดเสื้อในเช้าที่อากาศเย็นๆ เพราะเมื่อคืนฝนตก โดยมีพระอาจารย์สมหมาย มาทำพิธีให้ เพราะถอดเส้อเสร็จเค้าก็เอาน้ำมาราดตัวแล้วเรียกญาติๆมาปลงผม ซึ่งเข้ามาทางด้านหลัง เลยไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง พวกเพื่อนๆและพี่ชายก็คอยถ่ายรูป กับยืนแซว วงแคนก็เริ่มบรรเลงเพลงช้าๆ ซึ่งในตอนนั้นรู้สึกว่าเพลงมันรันทดๆ (ทั้งๆที่เค้าต้องการให้รู้สึกสำนึกบุญคุณบิดามารดา) ปิดท้ายการปลงด้วย พระอาจารย์สมหมาย ซึ่งท่านได้ใช้มีดโกนโกนซ้ำสองรอบ (คาดว่าจะไม่ให้ผมขึ้นอีกเป็นเดือนเลยมั้ง)
หลังจากปลงเสร็จก็จะให้ญาติๆมาอาบน้ำกันคนละขัน หนาวมาก (ตัวสั่นเลย) และลุงยัง (ผู้ถูกเชิญมาเป็นผู้ช่วย) ก็พาไปอาบน้ำอีกรอบ เพื่อแต่งชุดนาค และขอขมาเสร็จก็เตรียมขบวนเดินรอบโบสถ์
การเดินวน เดินวนช้ามาก เพระาติดพวก นางรำ นายรำ ทั้งหลาย ซึ่งรำกันช้ามาก โดยเขามีความเชื่อกันว่าถ้าได้รำหน้าขบวน เกิดไปชาติหน้าจะหล่อและสวยเมหือนเทพบุตร เทพธิดา
หลังจากนั้นก็ทำพิธีวันทาเสมาและโปรยทาน ระหว่างที่ทางเข้าประตูโบสถ์ พวกญาติๆ ยืนเต็มไปหมด เราก็เดินก้มหน้า ยิ่งเดินเข้าใกล้ประตูก็รู้สึกว่าเหมือนโดนรั้งไว้ (แต่ก้มหน้าอยู่เลยไม่รู้ว่าเพราะญาติโญมช่วยกันจับเดินเข้า หรือช่วยกันรั้งออก)
พิธีก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยมีตะกุกตะกักนิดหน่อยตอนท้ายๆ และไม่ตรงตามที่ซ้อมมาตอนต้นๆ พอเสร็จ หลวงพี่มนัสก็บอกว่าให้เราอยู่ คณะ 6 ชั้น 2 ห้อง 2 อยู่กับหลวงตา ซึ่งท่านบวชแก้บน 3 เดือน ตอนนี้เหลืออีก 1 วันก็จะครบ 2 เดือน เราก็รู้สึกดี เพราะเพื่อน (เต้) ได้พามานั่งคุยฝากฝังไว้แล้วรอบหนึ่ง
จากนั้นเราก็เอาของมาไว้ที่กุฏิ ซึ่งตอนนั้นหลวงตาไม่อยู่ (จำไม่ได้ว่าอยู่ไหน รู้แต่ว่าห้องเปิดไว้และว่างๆ)
จากนั้นก็เดินลงไปที่ศาลาเพื่อฉันเพล ซึ่งเราก็ได้นั่งโต๊ะกับหลวงตาอีกรูปหนึ่ง ท่านฉันเก่งมาก ท่านบอกว่าไม่ได้ฉันเช้ามาเลยขอสักหน่อย
หลังฉันเพลเสร็จก็เดินมาที่กุฏิกับท่านยง (เพื่อนเก่าสมัยเรียนประถม),หลวงพี่บาส,หลวงพี่ปั๊ม เพื่อมาที่ห้อง ก็ได้เจอหลวงพี่คณะ 6 เกือบทั้งหมด ซึ่งมีหลวงพี่นัท,หลวงพี่ชิว,หลวงพี่ปอนด์,หลวงพี่โต้ง,หลวงพี่มนัส,หลวงตา,หลวงพี่ทรัพย์,
(ขณะที่เขียนอยู่ตอนนี้สึกแล้วเมื่อตอนตี 4 ซึ่งร้อนรนมากกลัวจะฤกษ์ไม่ดีหรือไม่ได้สึก นี่แหละคำว่าผ้าเหลืองร้อนก่อนสึก)
วันแรกที่บวชก็ได้ทำกิจสงฆ์ทันทีโดนนั่งเป็นพระลำดับให้นาค 3 ท่าน (ซึ่งก็มาเป็นสมาชิกคณะ 6 เช่นกัน)
เรารู้สึกว่าพระในคณะ 6 (อาจจะที่อื่นด้วยก็ได้) ดูแลกันดีมาก ช่วยเหลือกันอย่างเต็มใจ และมีความสุข โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตัว ซึ่งจะต้องช่วยเหลือกันและกัน ไม่มีใครเลี่ยงที่จะไม่ช่วย ซึ่งการอยู่ด้วยกันแบบนี้ในสถานที่อื่นๆ กับคนที่เพิ่งจะรู้จัก ผมไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ถึงกับคิดว่า ในสังคมตอนนี้ยังมีอย่างนี้ด้วยหรือ
โดยเฉพาะหลวงตา ท่านดูแลพระในคณะ 6 ดีมาก ยิ่งผมอยู่ห้องเดียวกับท่าน จะยิ่งรับรู้ได้เป็นอย่างดี ท่านจะคอยปปลุกพวกเราตอนตี 4 คอยดูแล คอยเตือน และช่วยเหลือ เหมือนญาติคนหนึ่งเลยทีเดียว (ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน)
คืนแรกนอนตอน 3 ทุ่มเพราะง่วงมากและกลัวตื่นเช้ามาทำวัตรไม่ทัน