วันที่ 28 พค. 2548 (บ.28/05/2548 exteen.21/09/2548)
วันนี้บิณฑบาตร โดยมีหลวงตาที่ท่านมาจากต่างอำเภอ (อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์) ร่วมเดินทางด้วย ท่านอายุประมาณ 76 ปี แต่แข็งแรงมาก เดินตามพวกเราด้วยความเร็ว และถือของพะรุงพะรังพอสมควร ซึ่งต้องเดินร่วมๆ 2 – 3 กิโลเมตร นับถือท่านจริงๆ และรู้สึกว่าท่านจะกลับวัดที่อำเภอของท่านวันนี้พอดี เพราะไม่มีใครจำวัดเป็นเพื่อนท่านเลยบนศาลา
ฉันเช้าเสร็จก็ขึ้นมาจำวัดสักครู่ พอ 8 โมงกว่าๆ ก็ขึ้นโบสถ์เพื่อนั่งเป็นพระลำดับบวชนาค
ขณะที่นั่งเป็นพระลำดับ พระคูรนิภาที่เป็นพระอุปัชชา ก็สอดส่ายสายตามองและมาจ้องที่เราพอดี เราก็ “ครับ” ตอบท่านไป แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็จ้องเราต่อ เราเลยหลุดขำในลำคอออกมาซะดังเลย แต่คงไม่มีใครได้ยินมั้ง เหอๆ ที่ท่านมองเพราะท่านจะดูว่ามีพระรูปใดมานั่งทำพิธีบ้าง และท่านจะกำหนดให้พระรูปนั้น ขึ้นสวดคำกรวดน้ำ (ที่ขึ้นว่า “ยะถา วารีวะหาฯ”) เราและท่านอื่นๆที่นั่งเป็นพระลำดับส่วนใหญ่จะเป้นพระใหม่ เลยไม่ค่อยมีใครกล้าสวด เพราะกลัวจะผิด หรือเพี้ยน
แต่ที่สุดแล้ว บวชเสร็จ พระครูก็เลย เรียกหลวงพี่ปั๊ม มานั่งใกล้ๆ แล้วให้สวดกรวดน้ำ หลวงพี่ปอนเลยสะกิดเราแล้วยิ้มๆ ส่วนหลวงพี่ชิว ก็ทำท่าแบบโล่งอก
หลังจากเสร็จพิธีทั้งหมด พระครูเลย ถามหลวงพี่ชิวว่า ท่านได้สวดหรือยัง หลวงพี่ชิวเลยบอกว่า ยัง ท่านก็เลยพูดว่า “รู้อย่างนี้ ให้ท่านขึ้นสวดดีกว่า” จากนั้นก็มองมาที่เราแล้วบอกว่า “ท่านเป็นลำดับต่อไป” ซึ่งหมายความว่า เราจะต้องขึ้นสวดให้ญาติโยมฟังในงานบวชครั้งหน้า!!!
กลับมาก็ฉันเพลบนศาลา และจำวัด ตื่นมาอีกที ตอน บ่าย 3 หลวงพี่นัท บอกว่า เราทำท่าลนลานตอนอยู่ในโบสถ์ (ท่านพูดถึงเราว่า “ท่านที่มีเครา”)
—
source: http://ifew.exteen.com/20050921/entry