วันนี้เป็นวันที่สองที่ผมกับต่ายอยู่ฮ่องกง โดยวันแรกเรียกว่าไปเกริ่นนำเที่ยวเกาะฮ่องกงมาแล้ว วันนี้เลยขอเที่ยวเก็บบรรยากาศน่ารักๆ ในดิสนีย์แลนด์แบบเต็มวันสักครั้ง
วันนี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อลองสำรวจภายในโรงแรม Hong Kong Disneyland Hotel ซึ่งห้องที่เราพัก อยู่ชั้น 2 และติดระเบียง
ในตอนกลางคืนผมมองไม่ค่อยเห็นอะไร รู้แต่ว่ามันเป็นสวนครับ แต่ทีไหนได้ ถัดจากสวนที่ออกแบบเป็นเขาวงกต มันคือทะเลครับ! สวยมากๆ เป็นทะเลฝั่งที่ไกลสุดลูกหูลกตา เลยทำให้บรรยากาศเหมือนกับพักอยู่บนเกาะยังไงยังนั้นเลยทีเดียว
หลังจากสูดอากาศตรงระเบียงแล้ว จึงเดินออกจากห้องไปดูในส่วนของ Lobby ซึ่งเป็นจุดที่มีต้นคริสต์มาสยักษ์ กลางห้องนั่นเอง (เป็นจุดที่มี wifi ด้วย)
ในส่วนนี้ จะมี Lounge สำหรับทานอาหารว่าง และนั่งเล่น ซึ่งขณะที่ผมกำลังเดินเล่นอยู่ ก็มีเจ้าหญิงในเทพนิยายสองสามนางยืนถ่ายรูปคู่กับเด็กๆ และสร้างรอยยิ้มให้อย่างไม่ขาดสาย
เราเดินวนเล่น และแวะดูร้านขายของที่ระลึกในโรงแรมสักพัก จึงนั่งรถ shuttle bus เพื่อเดินทางเข้าสู่สวนสนุก Disney Land
ทางเข้าสวนสนุกจะมีประตูทางผ่าน เพื่อเสียบบัตรเข้าไปครับซึ่งบัตรที่เรามีเป็นบัตรแบบเล่นได้ทั้งวัน ดังนั้น จะเข้าจะออกกี่รอบก็ได้ แต่ๆๆๆ… พี่ชัยได้เตือนไว้ว่า ก่อนจะออกในครั้งแรก เราต้องแจ้งพนักงานก่อน เพื่อให้เขาปั๊มสัญลักษณ์ไว้ครับ ว่าเราเคยเข้ามาแล้ว ถ้าไม่ปั๊ม ต่อให้ถือบัตร เขาก็ไม่ให้เข้าครับ
และที่น่าสนใจคือ ตราปั๊มจะเป็นแถบเรืองแสงครับ จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้ไฟส่อง(คล้ายๆตรวจแบงค์ปลอม) จึงทำให้ไม่มีรอยให้น่ารำคาญ รวมไปถึงมันไม่จางเมื่อโดนน้ำด้วย! เท่จริงๆ
เราตัดสินใจกันว่าจะนั่งรถไฟวนรอบสวนสนุกดีไหม คือถ้านั่ง มันจะไปลงที่สถานีด้านหลังของสวนสนุกครับ และเป็นเส้นทางให้เราย้อนเล่นจากด้านหลังมาด้านหน้า แต่ระหว่างที่คิด ผมเดินไปหยิบแผนที่ที่แจกฟรีตรงทางเข้ามาดู แล้วเราจึงตัดสินใจว่า จะไป Adventure Land ก่อน ซึ่งอยู่ใกล้ๆนี่เอง น่าจะสนุกกว่า
เส้นทางไป Adventure Land จะต้องเดินลอดอุโมงค์รถไฟ มีป้ายเขียนไว้ทางเข้าว่า “HERE YOU LEAVE TODAY AND ENTER THE WORLD OF YESTERDAY, TOMORROW AND FANTASY” ชอบๆๆ
สองข้างทางเป็นร้านค้าที่สร้างขึ้นมาสไตล์ยุโรป อารมณ์ยุคเรอนาซองค์ (Renaissance) แบบในเทพนิยายที่มีเจ้าหญิงเจ้าชายและใครอีกคน (อันหลังผมต่อเองครับ ฮ่าๆ) สวยมากกก
ซึ่งถนนที่เราเดิน เป็นถนนสายหลัก มีชื่อตรงตัวว่า Main Road ซึ่งจุดต้นของถนนจะเป็นตันคริสต์มาสยักษ์ (ใหญ่กว่าในโรงแรมมากๆ ประมาณตึก 3-4 ชั้น) และปลายถนนจะไปสุดที่จตุรัสลานน้ำพลุ ที่ตั้งของปราสาท สัญลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์เขาหละ
ณ เวลานั้น คนเยอะมากมายเลยครับ เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงจตุรัส แล้วแวะถ่ายปราสาทเล็กน้อย ตอนแรกเราจะหาร้านอาหารเพื่อนั่งกินข้าวเช้า แต่รู้สึกร้านในย่าน Mai Road อาหารจะหรูหรา ไม่ค่อยถูกปาก ถูกกระเป๋าเงินเราเท่าไร จึงตัดสินใจไปซื้อ Hot Dog มากิน เรื่องราคาก็ขำๆ ครับ 20 เท่าไทยเป๊ะ! แต่ 20$hk นะ คูณด้วย 4 ก็ประมาณ 80 บาท! (กินแล้วอยากกลับไปซื้อของร้านไก่ยี่สีห้อแดงที่เมืองไทยเสียเดี๋ยวนั้น!)
หลังจากอิ่ม(แบบไม่เต็มใจเท่าไร) เราก็เดินไปถึง Adventure Land ครับ (ถ้าสังเกตในแผนที่ในรูป จะแบ่งเป็นโซนๆ ให้เราได้เลือกกัน)
ระหว่างที่เดินไป ใกล้กับเวลาที่ Festival of the Lion King เปิดรอบการแสดงพอดี เราจึงไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปดู เพราะพี่ชัยได้แนะนำไว้ก่อนแล้วว่า เป็นการแสดงที่ต้องดูให้ได้!
ในการแสดงนี้เป็นละครเพลงของการ์ตูนเรื่อง The Lion King โดยทั้งหมดใช้มนุษย์แสดง ควบคู่ไปกับตุ๊กตาหุ่นที่ถูกสร้างให้ขยับได้ อลังการงานสร้างมากๆ
ใช้เวลาอยู่ประมาณ 30 นาที การแสดงก็จบครับ แต่เป็น 30 นาทีที่คุ้มค่ามากมาย
เราเดินไปฝั่งตรงข้ามของโรงการแสดง The Lion King เพื่อนั่งแพข้ามฟากไปบ้านทาร์ซานเจ้าป่า
เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาบนต้นไม้ขนาดใหญ่ มีน้ำตก ร่มรื่น และเดินชิลๆ มาก วิวที่เห็นจากด้านบนก็สวยดีครับ เหมือนอยู่กลางป่าเลย
ระหว่างเดินเล่นอยู่บนบ้านทาร์ซาน สายตาผมก็ดันซุกซนไปเห็นสาวน้อยคนหนึ่ง จริงๆ เธอเดินตามหลัง ผมมาสักระยะ แต่ผมปล่อยให้เธอเดินนำหน้าไป เพราะเห็นแว๊บๆ ว่าเธอน่ารัก ฮ่าๆ
สุดท้ายก็เดินเข้าไปทักทายครับ เธอชื่อเฉินซิ่ง (Chen Xing เธอแปลให้ฟังว่า “Star in The Morning” หรือ “ดวงดาวในยามเช้า”) เป็นคนจีน อยู่เหอหนานครับ บินมาเที่ยวขำๆ คนเดียว และเธอเพิ่งมาที่ Hong Kong Disneyland ครั้งแรกเหมือนเรา เราจึงจีบ เอ้ยชวนเธอไปเที่ยวด้วยกัน 😀
ที่ใกล้ๆ กับบ้านทาร์ซาน มีเรือผจญภัยพาชมรอบเกาะของบ้านทาร์ซาน มีไกด์ชาวจีน แต่พูดอังกฤษบ้าง จีนบ้าง อธิบายให้เราฟังไปตลอดทาง ชี alert มากๆ เหมือนสนุกอยู่กับตัวเอง กรี๊ดกร๊าดกะตู้วู้ตลอดการเดินทาง ซึ่งระหว่างล่องเรือไป ชอบมีสัตว์แปลกๆ สถานการณ์แปลกๆ มาทำให้เราตกใจบ้าง ขำบ้าง ให้สนุกสนานกันไป
หลังจากเล่นจนพอใจใน Adverture Land เราไปต่อกันที่ Fantasy Land ซึ่งโซนนี้เป็นอะไรที่หวานๆ หน่อย เหมาะกับสาวๆ และเด็กๆ เพราะมีพวกม้าหมุน ปราสาท อะไรทำนองนั้น พวกเรารวมถึงเฉินซิ่ง ก็เดินไปจนถึงปราสาทของ “it’s small worl christmas” ซึ่งนับเป็น hightlight ของเทศกาล Sparkling Christmas ที่ Hong Kong Disneyland เหมือนกันครับ
ในปราสาทจะมีเรือล่องไปตามน้ำ ให้เรานั่งไปเรื่อยๆ ผ่านโซนของแต่ละวัฒนธรรมทั่วโลก ซึ่งแต่ละโซนจะมีตุ๊กตามาร้องเพลงเมอรี่คริตร์มาส ในทำนองของแต่ละประเทศ เช่น แถบอินเดีย ดนตรีก็แนวๆ อินเดีย ดึ่มดึ๋ยๆ หรือโซนจีน, ญี่ปุ่น ดนตรีก็จะออกแนวๆ จีน ขอบอกว่า ตุ๊กตาน่ารักมากๆๆๆๆ เป็นตุ๊กตาหุ่นตัวเล็กๆ ดิ้นไปดิ้นมา เราใช้เวลาอยู่ในนั้นประมาณ 20 นาที เพลินไปเลยทีเดียว
เราเดินไปต่อกันที่ Tomorrow Land ซึ่งตรงนั้นต่ายขอแยกไปเล่น “Space Mountain” ส่วนผมกับเฉินซิ่งไปนั่งกินข้าวเที่ยงครับ คือหิวมากๆ (ณ เวลานั้น บ่าย 2)
ข้าวมื้อแรกแบบ Full Option ที่กินใน Disneyland เป็นข้าวไก่หนาวโจว 45$hk กับโค้กอีก 20$hk ซึ่งเฉินซิ่งบอกว่า ข้าวไก่ที่ผมสั่งไม่ใช่แบบนี้ แป่วเลย.. แต่ช่างมันครับ หิว กินๆๆ
กินเสร็จก็เดินไปหาต่ายเพื่อรอดูพาเหรดของ Disneyland ตอนนั้นคนเริ่มทะยอยปักหลักตามข้างทางเยอะมากๆ สุดท้าย หากันไม่เจอ เขาปิดถนนเสียก่อน จึงแยกกันดู
ขบวนพาเหรดของ Disneyland เป็นอะไรที่ทุกคนที่มาเที่ยวต้องรอชมครับ และเป็นเหมือนวัฒนธรรมของ Disneyland ทุกแห่งที่จะต้องมี ดังนั้น ทุกคนจะหยุดเล่นทุกอย่าง เพื่อมารอดู
ในรอบนี้เป็นเทศกาล “Sparkling Christmas” จึงทำให้ขบวนพาเหรดพร้อมใจกันสวมชุดเปนซานต้ากันหมด น่ารักมากๆๆ
ในระหว่างที่ดูพาเหรด พวกเราเจอเหล่าเด็กๆและอาม่าคอยแทรกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตอนแรก อาม่าแกจะส่งลูกๆหลานตัวเล็กมาแทรกไปข้างหน้าเราก่อน (ตอนแรกผมยืนติดถนนเลยนะ) หลังจากนั้น อาม่าจะสไลด์ตัวเข้ามา ทำทีท่าว่ามาดูแลหลานตัวเล็กๆ แล้วก็ปักหลักคาอยู่แบบนั้น จนทำให้เราต้องเลื่อนมาอยู่แถวสองและสามในกาลต่อมา
หลังจากพาเกรดจบ ประมาณ 5 โมงเย็น ผมก็เจอกับต่าย และเฉิ่งซิ่งก็ลาพวกเรากลับไปที่โรงแรมใน Tsim Sha Tsui
ผมกับต่ายไปเดินเลือกซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ กลับไทย และจึงเดินทางกลับโรงแรมไปเก็บของ เพื่อเตรียมตัวดูพลุอีกครั้งตอน 2 ทุ่ม (แต่เราไม่ลืมที่จะให้พนักงานปั๊มตราว่าเคยเข้าชมมาแล้วด้วยนะ 😀 )
เรากลับไปเคลียร์ทะยอยรูปลง notebook และจัดแจงเก็บขาตั้งกล้องอย่างดิบดี ออกเดินทางกลับไปที่สวนสนุกอีกครั้งตอน 18.30
ก่อนจะไปดูพลุ เรามุ่งไปใช้บัตรอาหารฟรีกันก่อนที่ร้าน Tahitian Terrace ซึ่งอยู่ใน Adventure Land และเราคิดว่าอาหารเข้าท่าที่สุด
ระหว่างที่กำลังเดินไปตัวปราสาท เรานึกแปลกใจว่าทำไมมีคนยืนๆ นั่งๆ ตรง Main Road กันเยอะมาก จึงกางตารางเวลาออกมาดู และนึกขึ้นได้ว่ามันจะมีการแสดง “Lights of Winter”
เป็นการแสดงบนถนน Main Road ที่มีคนถือเสารูปหิมะ ยืนเรียงรายกันตลอดถนน ประกอบกับมีดนตรีบรรเลง จากนั้น ไฟที่เสาหิมะจะค่อยๆ ติดทีละดวงจากต้นคริตส์มาสยักษ์ไปจนถึงลานน้ำพลุตรงปราสาท สวยมากครับๆ
และนั่นเอง ทำให้ผมรู้ว่า ขาตั้งกล้องที่ผมพกมา ใช้ไม่ได้ครับ T-T เพราะผมลืมฐานที่เสียบกล้องไว้ที่โรงแรม..
ประกอบกับคนเยอะมากๆ จึงทำให้การวางกล้องไว้บนขาแบบไม่มีที่ล็อก ทำได้ยากมาก ผมจึงเก็บภาพแทบไม่ได้เลย ในระหว่างการแสดงแสงสี
ผมสั่งคล้ายๆ มื้อกลางวัน ที่ผมคิดว่าพอกินได้ นั่นคือ ข้าวหน้าไก่ไห่หนาน กับ โค้ก (อีกแล้ว) สุดท้าย มื้อเย็นวันนั้น ข้าวหน้าไก่ไห่หนาน มันคือข้าวมันไก่ต้ม ที่รสชาติแห้งๆ เย็นๆ แถมกระดูกไก่คอยติดฟันตลอด ฮ่าๆ
แต่เอาเถอะ ประสบการณ์ชีวิต อย่างน้อยผมก็กลับมาเล่าได้นะ ว่าผมเคยกินข้าวมันไก่จานละ 300 บาท มาแล้ว ฮ่าๆ (ส่วนต่ายกินบะหมี่น่องไก่ชามละ 300 บาท เช่นกัน)
(จริงๆ ข้าวใน Disneyland เฉินซิ่งก็บอกว่าแพงครับ และในวันแรกที่ผมไปเที่ยวในเกาะฮ่องกง ราคาอาหารก็ไม่ได้แพงขนาดนี้)
Hainan Chicken and Rice หรือบ้านเราเรียกว่า ข้าวมันไก่ นั่นเอง
หลังจากพวกเรากินมื้อเย็นเสร็จ จึงรีบไปที่จตุรัสเพื่อปักหลักหามุมถ่ายภาพครับ ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือกันดีครับ โดยทุกคนจะนั่งลงกับพื้น เพื่อไม่ให้บังคนด้านหลัง แต่ทีน่ารำคาญคือพวกมีรถเข็นเด็กครับ พี่ท่านปล่อยให้รถเข็นโผล่ขึ้นมาเป็นหย่อมๆ เสมือนมีควายตัวเล็กๆ มายืนบัง (ด้ามจับมันจะโค้งสองข้าง เหมือนขาควาย) แล้วมันอยู่แบบนี้หน้าผมไป 2 เมตร แต่ยังโชคดีที่รัศมีเขาควาย มันยังไม่สูงบังปราสาทมากนัก
และแล้วการแสดงพลุ “Disney in the Stars” ก็มาถึง..
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที การแสดงก็จบลง ส่วนตัวผมคิดว่ากำลังดีครับ ทั้งพลุทั้งแสงสี คือ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการแบบที่บ้านเราจุดเฉลิมฉลอง แต่ก็คงความสวยงามคู่กับตัวปราสาทได้อย่างดี ตามภาพที่เห็น
อากาศตอนนั้นเย็นๆ กำลังดี และแค่ 2 ทุ่มกว่าๆ ผมกับต่ายจึงเข้าไปที่โรงแรมเพื่อเก็บของ และออกไปท่องราตรีอีกรอบในฮ่องกง
เราเลือกที่จะไปเดินเล่น Mong Kok ครับ เพราะรู้สึกว่ามีอะไรให้เลือกดูเยอะกว่า Tsim Sha Tsui หรือ ตามถนน Nathan
นั่งรถไฟใต้ดินจาก Disneyland ไปถึง Mong Kok ประมาณ 40 นาที เรามาโผล่ตรง Ladies Market ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านของ Mong Kok และเป็นย่านที่ผู้หญิงเดินเยอะมากๆ
เรากะว่าจะไปหาร้านบะหมี่แบบวันแรกกินอีกสักรอบ แต่แล้วก็ขี้เกียจครับ เลยเดินซื้อเป็นพวกของกินเล่นแทน เช่น ปลาหมึก หมู ไก่ ปิ้ง ย่าง ทำนองนั้น อย่างละ 10$hk ส่วนผมก็ซื้อเครฟกินด้วย อร่อยดี ในราคา 17$hk
ใน Mong Kok จะมีถนนสามเส้นหลักๆ ที่ของขายเยอะมาก และผู้คนก็เดินเยอะมากๆ เช่กนัน (แม้ในขณะที่ผมเดินคือ 22.00 – 23.00 คนก็ยังเยอะเหมือนกลางวัน) นั่นคือ Sai Yeung Choi St. South (ขายพวก มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้อง สินค้า Electronic ทั่วไป), Tung Choi St. (ขายพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ทั้งหญิง ชาย ของฝาก), Fa Yuen St. (ขายพวกรองเท้า เสื้อผ้ากีฬา) ซึ่งใครสนใจไป เดินเล่นซื้อกันให้เพลินเลยครับ
ส่วน ผมกับต่ายได้ไปซื้อเสื้อผ้าและของฝากที่ถนน Tung Choi St. โดยผมได้เสื้อที่มีสัญลักษณ์ HK มา 5 ตัวในราคา 100$hk (แต่ถ้าเดินไปอีกหน่อยกลางๆซอย จะมี 6 ตัว 100$hk)
ได้กิน ได้เที่ยว ได้ของฝาก จึงได้รีบขึ้นรถไฟใต้ดินกลับ ซึ่งรถไฟใต้ดินของฮ่องกง จะมีรอบสุดท้ายประมาณเที่ยงคืน และในฮ่องกงรถไฟฟ้าใต้ดินสะดวกที่สุดครับ ไปได้แทบทุกที่ที่เราต้องการ วิธีขึ้นและป้ายก็ไม่ยากนัก ขอเพียงเรามีแผนที่ที่จะไป แล้วสังเกตุสัญลักษณ์รถไฟฟ้าของเขาไว้ให้ดี เป้นสีแดงๆ มีเส้นบน ล่าง สามเส้น (ตามภาพที่ผมลงไว้ครับ)
รู้สัญลักษณ์ มีแผนที่ แค่นี้ก็เที่ยวฮ่องกงได้สบายแล้วครับ นี่แหละ ที่ทำให้ผมกับต่ายปีกกล้าขาแข็งมาก ที่จะไปเดินลุยในฮ่องกงโดยไม่กลัวอะไร
วันนั้นเรากลับไปถึง Hong Kong Disneyland Hotel ตอน ตี 1 ซึ่งโชคดีที่มีรถ shuttle bus เที่ยวสุดท้ายพอดีเลย..
สนุกมากครับวันนี้ เที่ยวซะคุ้มเลย ยังมีอีกเป็นวันสุดท้าย ซึ่งคราวหน้าผมจะมาเขียนต่อครับ คืนนี้ขอจบเท่านี้ บายๆ 😀
ซีรี่ – เที่ยว Hong Kong Disneyland 3 วัน 2 คืน ด้วยงบ 0 บาท!!
วันที่ 1 – ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกง
วันที่ 2 – ลุย Hong Kong Disneyland
วันที่ 3 – ชมพระใหญ่ วัดป่อหลิง
Source: http://ifew.exteen.com
Webmentions
[…] 1 – ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกง วันที่ 2 – ลุย Hong Kong Disneyland วันที่ 3 – ชมพระใหญ่ […]
[…] 1 – ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกง วันที่ 2 – ลุย Hong Kong Disneyland วันที่ 3 – ชมพระใหญ่ […]