ขายของธรรมดาๆ มันต้องหาเรื่องกันหน่อยแล้ว..

1902968_10153815836490644_1035555234_n

เดินไดโซ,โคโมโนย่า บ่อยๆ เข้าใจแล้วว่าญี่ปุ่นมันขาย story จริงๆ
ของบางอย่างโคตรจะธรรมดาเลย เราเองก็ไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร หรืออาจมีไอเดียแบบบ้านๆ ไร้จินตนาการ ตัวอย่างเช่น เศษไม้ แกก็เอาไว้โรยหน้าดินเก็บความชื้นสิ, เอาไว้รองขาโต๊ะไม่ให้มันโยกสิ, เอาไว้ทับกระดาษสิ

อ่ะๆๆๆ ถ้าแกอยากได้เอาไป ฉันให้ฟรี รกบ้านว่ะ

อ่ะ ลองมาดูรูปที่ผมถ่าย ไอ้ซองใส่เศษไม้จากญี่ปุ่น มันบอกว่าเอาไว้เป็นอาหารด้วง จักจั่นนะเว้ย หรือถ้าเอ็งไม่เลี้ยงแมลง เอ็งจะเอาไว้เพาะเห็ดก็ได้นะเว้ย อร่อยดี

แล้วก็เอามาขายกรูและชาวโลก สนนราคาที่ 60บาท หรือประมาณ 2$

oh holy shit! fucking god!

พี่แก เล่นทำให้ในหัวกรูไม่มั่นใจทันทีเลยว่า ถ้ากรูไม่ซื้อไม้ 60บาท ของมึง แล้วใช้เศษไม้ต้นชมพู่หน้าบ้านกรูเลี้ยงแมลง จะทำให้ด้วงกรูตาย หรือจักจั่นกรูเป็นง่อยลำยองหรือเปล่า แล้วถ้าปลูกเห็ดมาแดก กรูจะเป็นผื่นไหมวะ

สุดท้ายกรูก็อาจต้องซื้อเศษไม้ 60บาท ของมึง ด้วยเหตุผลว่า มึง proof มาแล้วในระดับมาตรฐานญี่ปุ่น ว่า เลี้ยงแมลงได้ ปลูกเห็ดได้

ถึงตอนนั้น จักจั่นไทยบ้านกรูคงยิ้มแก้มปริ เสียงใสลูบเป้าแข่งกับจ๊ะคันหูได้เป็นแน่แท้ เพราะได้แดกอาหารอิมพอร์ตจากญี่ปุ่น

สรุปได้ว่า ของธรรมดาๆทั่วไป ถ้าใส่เรื่องราว (story) ให้มัน หรือใส่ไอเดียการใช้ให้มัน เพื่อสร้างจินตนาการให้กับผู้ใช้ พร้อมเพิ่มความเชื่อมั่นเข้าไปสักหน่อย (หรือแกมขู่ว่าเทียบกับของธรรมดาๆยี่ห้ออื่นดีกว่าแน่นอน) ก็สร้างมูลค่าได้ดีเหมือนกั

เอวังด้วยประการฉะนี้

วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย

ลองนั่งวาดเล่นๆ ของวงจรอุบาทว์การเมืองไทย โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ในขณะนี้ อยู่ที่คุณเลือกว่าจะใช้โอกาสหรือไม่ Continue reading “วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย” »

The Secret Life of Walter Mitty

หนังเรื่องนี้ นักวิจารณ์มักเล่าถึงคุณมิตตี้พนักงานออฟฟิต ที่ได้ออกท่องเที่ยวโดยบังเอิญ จนอาจทำให้คนอยากเที่ยวต้องรีบเก็บกระเป๋าออกเที่ยว คนอยากถ่ายรูปต้องรีบคว้ากล้องออกไปถ่าย

แต่สำหรับผม มันทำให้คิดถึงตอนที่ตัวเองตัดสินใจแบกเป้เที่ยวครั้งแรก(แชงกรีลา) และตัดสินใจเข้าป่าปีนเขาครั้งแรก มันเป็นเสี้ยวเวลาตัดสินใจเพียงนิดเดียว จากที่เรารู้สึกจำเจ เบื่อกับสิ่งที่เป็นอยู่ในทุกๆวัน มองข้ามอุปสรรคต่างๆ จนพาตัวเองออกไปหาอะไรที่ตื่นเต้นทำสักครั้ง(หลายๆครั้ง)

ผมเริ่มเบื่อกับการแค่ไปดูรูปคนอื่นที่ไปมา หรือได้เสพรูปจากแหล่งต่างๆในอินเทอร์เน็ตหรือ Google Earth แล้วมาบ่นแค่รู้สึกว่าอยาก..

ทุกสถานที่และร่างกายของคุณเอง ความพร้อมของคุณเอง มันไม่พร้อมไปให้คุณได้ตลอดชีวิตหรอกนะ สุดท้ายก็คงได้แค่นั่งแก่ๆ แล้วบ่นกับลูกหลานว่า อยากไป.. แต่แก่เกินไป..

Catch ball by Hoshin Kanri

catchball

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมได้ยินคำว่า Catch ball บ่อยๆ ก็ เออ ออ เก็บความสงสัยมาค้นดูว่าคืออะไร ซึ่งจริงๆมันคือหนึ่งในแนวคิดของการบริหารนโยบายแบบโฮชินคังริ (Hoshin Kanri) ที่หมายถึงการสื่อสาร(ส่งต่อ)นโยบายจากผู้บริหารลงไปสู่ระดับคนทำงานให้ทั่วถึงกัน

แต่ความหมายที่ผมได้รับรู้และดูจากการกระทำของหลายๆคน คือ คำว่า Catch ball หมายถึงการเอางานตนเองแต่โยนงานไปให้คนอื่นทำ.. (พูดดูดีหน่อยก็คือ การกระจายงานให้คนอื่นทำ) แล้วตัวเองก็ไปทำงานอื่นต่อ ถึงจุดหนึ่งก็โยนต่ออีก เพื่อไปรับงานอื่นต่อ.. โดยทั้งหมดนี้ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าด้วย

มันก็แปลกดี ว่าทำไมตีความเอามาใช้แบบนั้น..

ว่าแล้วก็ขอเสริมหน่อย ถ้าคนใช้ได้อ่านเรื่องผลของการ Catch ball ก็ต้องรับสภาพด้วยว่า อาจเกิดเหตุการณ์ 2 กรณี

  1. 1. คนรับไม่รับ ปล่อยบอลทิ้งไป
  2. 2.คนรับไม่เต็มใจรับ พอรับแล้วหมกไว้กับตัว

(ยังไม่ได้บอกด้วยนะว่าไอ้คนรับมีบอลคามืออยู่หรือปล่า)

ดังนั้นไม่ว่าจะเอาไปใช้แบบถูกหรือผิด สักแต่ว่าใช้ศัพท์เก๋ไก๋ให้คนอื่นคิดว่าเท่ และดู งง ไปวันๆ โปรดเข้าใจผลของมันไว้ด้วยว่าสามารถเกิดผลขึ้นได้ทั้งสองแบบ

ลองไปหาอื่นต่อเอาเอง

  • http://www.systems2win.com/c/catchball.htm
  • http://www.ecosia.org/url?url=http%3A%2F%2Fcourse.eau.ac.th%2Fcourse%2FDownload%2F0154706%2F%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599.doc&v=2&i=0&q=%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%20%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%20catch%20ball&p=0&tr=7730&at=0&ar=0&ab=0&mr=0&ir=0&kgr=0&nr=0&iar=0&sr=0

ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น อาจเข้าใจกันน้อยลง

20131210_105758

ผมเริ่มไม่แปลกใจ ที่ปรายพันแสงจะบอกว่า ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น อาจเข้าใจกันน้อยลง, เพราะชีวิตทุกวันนี้เราอาจตัดสินใครเท่าที่เขาแสดงให้เราเห็น แต่ไม่อาจพบตัวตนที่เขาเป็น