อาคารสำนักงาน ที่มีโต๊ะทำงานอยู่ร่วมกับแปลงผัก ..ให้พนักงานปลูกข้าวปลูกผักไว้กินเอง

เราพูดกันถึงแนวคิด สวนผักในเมือง สวนผักแนวตั้ง กันมาเยอะ แต่ยังไม่เคยเห็นมีใครปลูกกันจริงๆจังๆ และได้ผลไว้กินกันจริงๆ เลี้ยงคนในอาคารได้จริงๆ ซักที แต่คราวนี้ อาคารสำนักงานใหญ่ของ Pasona บริษัททางด้านจัดหางาน ในกรุงโตเกียว ไม่ใช่แค่สร้างภาพ แต่ปลูกผัก ปลูกข้าว ในสำนักงานไว้เลี้ยงพนักงานกันแบบจริงจัง ปลูกกันตั้งแต่ข้าว ไปจนบล็อกเคอรี่ ฟัก มะเขือเทศ และอื่นๆอีกมากมาย

สำนักงานแห่งนี้ มีพื้นที่เพาะปลูก 43,000 ตารางฟุต เพาะปลูกพืชกว่า 200 ชนิด ทั้งผัก ผลไม้ และข้าว อาคารที่อยู่รวมกันระหว่างโต๊ะทำงานกับสวนเกษตรแห่งนี้ ออกแบบโดย Kono Designs

ต้นไม้รอบๆ ด้านนอกสำนักงาน ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงาม แต่ยังเป็นการยืนยันแนวคิดของการอยู่ร่วมกันระหว่างการอยู่อาศัยในเมือง กับการทำการเกษตรในเมือง ว่าทำได้ เป็นจริงได้ และยังช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดการที่ต้องขนส่งอาหารมาจากที่ที่ห่างไกล เป็นความตั้งใจของบริษัทจัดหางานแห่งนี้ ที่จะส่งเสริมการศึกษาในคนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการเพาะปลูก ให้พวกเขาเป็นพนักงานบริษัท ที่รู้จักการผลิตอาหารเองได้ด้วย…เป็นแนวคิดที่ ฉีกแนว และเท่ห์มากๆสำหรับโลกยุคนี้.. นับเป็นสำนักงานที่เหลือเชื่อจริงๆ และมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล น่าจะมีสำนักงานอื่นๆลองทำดูบ้าง

Pasona-HQ-Kono-Designs-1-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-2-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-4-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-5-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-7-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-9-450x337 Pasona-HQ-Kono-Designs-10-450x337

 

ที่มา http://www.iurban.in.th/highlight/urban-farm-grows-food-employees-tokyo/

กรุงเทพในความหมายของฉัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

กรุงเทพในความหมายของฉัน
มหานครที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง
สายตาจากคนไกลที่ชื่นชมต้องการสัมผัส
หากแต่คนที่พำนักและใกล้เคียง
ต่างอยากหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด

คงเฉกเช่นเมืองหลวงหลายประเทศ
ศูนย์กลางทางการเงินและการงาน
หากสองสิ่งนี้มีเพียงพอในบ้านเกิดของทุกคน
ฉันเชื่อว่าเขาก็คงไม่ดิ้นรนเข้าเมืองกรุง

ถ้าทุกคนเห็นด้วยกับฉันในย่อหน้าข้างต้น
แปลว่ากรุงเทพคงไม่มีประโยชน์อันใด
คงเป็นเพียงเมืองเก็บวัตถุดิบในประวัติศาสตร์
และที่พำนักของกษัตรย์ที่ฉันรักยิ่ง..


03 Feb 2013 01:06 บนเตียง กำลังจะนอน แต่นอนไม่หลับ

ความแตกต่าง

45503_10152480474555644_855623770_n

ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนรับรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละคนใครสังคมได้ดี โดยเฉพาะคนที่เห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ในตนเอง

เพียงแต่ด้วยความต่างนั้นเอง ทำให้มุมมองในการมองคนอื่นเขาแปลกไปจากเรา

หากการที่ยอมรับได้ว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร ก็น่าจะทำความเข้าใจได้ว่า ผู้อื่นก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน มิใช่เพราะตนผู้เดียว

การจะตัดสินไปว่าผู้หนึ่งผู้ใดเขามีนิสัยเช่นไรนั้น คงไม่ได้มองเพียงด้วยสายตา และครั้งเดียว

บ่อยครั้ง ขณะที่เขาทำไม่พอใจเรา และสภาพแวดล้อมต่างๆ เอื้ออำนวยให้เราร้อยเรียงเรื่องราวเป็นไปตามอคติที่เรามีต่อเขา โดยที่เราเองก็ไม่รู้ความจริงนั้น มันทำให้ผิดใจกันและยากเกินกว่าจะประสาน เพราะกำแพงที่เรียกว่าอคติมันถูกฉาบขึ้นอีกหลายชั้น

บางที การอยู่ร่วมกันในสังคมได้ดี คือการนั่งอยู่เฉยๆ รับฟัง เฝ้ามอง ใช้ใจสัมผัส เพื่อให้เข้าใจตัวเองให้ดีก่อน ก่อนที่จะไปพยายามเข้าใจผู้อื่น และทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ก่อนที่ตะไปสั่งผู้อื่นให้ทำตามหรือทำดีกว่ามาเราทำตัวอยู่แบบนั้น

27 ม.ค. 2556 08:10 บนรถเมล์สาย 503 มุ่งหน้าไปสนามหลวง

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะครับ

ในฤดูที่มีลมหนาวมาเยือนใจกลางเมืองใหญ่

เป็นโอกาสที่มีไม่บ่อยนักที่จะได้รู้สึกแบบนี้
และนอกจากร่างกายที่จะได้สัมผัสกับความเย็นแล้ว
ผมเชื่อว่าใจของหลายๆคนก็คงเย็นลง
และใจผมก็เช่นกัน
บางเสี้ยวของเวลาผมใช้มันเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต
ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านมาถึง 7 ปีแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น
มีความคิดมากมายที่พรรณาถึงหัวใจลงในบล็อกของผมแทบทุกวัน
ในบางเรื่อง แม้บรรยายถึงความเสียใจ แต่ก็น่าจดจำ
ผู้คนบอกผมว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือ “ประสบการณ์”
แต่ผมคงเด็กเกินไป ที่จะเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
แม้พจนานุกรมได้บัญญัติความหมายไว้อย่างดีแล้ว
แต่ คน เวลา และโอกาส
ได้ทำให้ความหมายของแต่ละคนเปลี่ยนไป
และก็ไม่เหมือนกันแม้แต่เรื่องเดียว
ห้านาทีภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแต่เสียงของนาฬิกา
ผมพบว่าคุณค่าที่ดีที่สุดของประสบการณ์
มันไม่ได้อยู่ที่บอกว่า ผมควรทำอะไร
แต่มันคอยเตือนสติผมว่า ผมไม่ควรทำอะไร มากกว่า
ในวันปีใหม่ของทุกปีที่ผ่านมา
ผมเขียนถึงสิ่งที่ต้องทำหลายสิบข้อลงในบล็อก
แต่ปีนี้คงเป็นปีแรก ที่ทุกอย่างผม ขอเก็บไว้ในใจ
เพราะคงไม่มีใครเต็มใจอยากบอกคนอื่น
ถึงสิ่งไม่ดีที่เคยทำ และก็จะไม่ทำมันอีก
โดยไม่มีสิ่งยืนยันจะทำตามสัญญาได้หรือไม่..
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับทุกคน

แคลลอรี่ที่รัก.. เราเลิกกัน! (คลิปรีวิวอาหารที่ปริมาณเกินแคลฯจนน่าตกใจ)

กำลังอยู่ช่วงลดความอ้วน เลยไปสำรวจของกินตาม Big C มาครับ

ว่าอะไรควรกินหรือไม่ควรกินหรือกินแต่น้อย
ก่อนจะดู ต้องรู้ก่อนว่า ร่างกายคนเราวันหนึ่งจะรับพลังงานได้มีขีดจำกัด
หากรับเกินกว่านั้น จะทำให้เกิดความอ้วนสะสมในแต่ละวันได้ครับ
โดย ผู้ชายจะประมาณ 2,000 – 2,200 กิโลแคลลอรี่
ผู้หญิงประมาณ 1,600 – 1,800 กิโลแคลลอรี่
ดังนั้น หากจะลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร มันจะดูทรมานไป
แล้วเผลอๆ อาจระเบิดความทรมานด้วยการกลับไปกินดะชดเชยมากกว่าเดิมอีก
แต่ถ้าลดความอ้วนแบบสนุกๆ ขำๆ
ก็ให้ลองดูจากข้างซองของอาหารแบบที่ VDO ผมทำนี่แหละครับ
มันมักจะมีบอกไว้ว่า ถ้ากินแล้วเราจะได้แคลลอรี่เท่าไร
เพื่อให้วันหนึ่งเราไม่กินเกินนนั้น
แล้วยิ่งถ้าออกกำลังกายเสริมด้วย จะลดได้เร็วยิ่งขึ้นครับ
ปล1. ผมเลือกกินแบบนี้และออกกำลังกาย สามารถลด 9 กิโลฯ ใน 3 เดือนครับ 😀
ปล2. อาจมีคำหยาบคาย
ปล3. ไม่ได้แคร์สื่อ ดังนั้นผมจะพูดชื่อแบรนด์เต็มๆ ดีก็แนะนำ ไม่ดีก็ไม่แนะนำ
ปล4. ไม่ได้ขออนุญาติใครในการถ่ายทำ เลยต้องแอบถ่ายครับ แหะๆ
ปล5. ขอบคุณ @puilious ที่ช่วยถ่ายให้จ้ะ