
ผมกำลังถ่ายเด็กยากจนกลุ่มห
แล้วใครกัน ที่มีสุข และมีทุกข์..
ธรรมะบ้าง จิตวิทยาบ้าง เพ้อบ้าง ในมุมความเห็นส่วนตัว ความคิดส่วนตัว ที่อยากบอกให้รู้ว่าฉันเป็นอย่างไร ถ้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
ในการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ของเดวิดและแดนนี พบว่า ถึงแม้เราจะมีความสุขหรือทุกข์อย่างรุนแรงในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งต่างๆเหล่านั้นก็ไม่ทำให้คุณมีสุขหรือทุกข์มากอย่างที่คิด (จากหนังสือ เหตุผลที่ไม่ควรมีเหตุผล)
เพราะเมื่อเริ่มเคยชินกับสุขหรือทุกข์ใดๆแล้ว ความรู้สึกต่อสิ่งนั้นๆจะลดลง
ดังนั้นมนุษย์จะมีวงจรหนึ่งที่ผลักให้อยากได้อยากมีเพื่อคงความสุขไว้เรื่อยๆ เรียกว่า “การวิ่งไล่ตามความสุข”
เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยได้ตรัสไว้ แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ให้เราเห็นชัดเจนว่า กิเลสกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม ยิ่งกินก็ยิ่งหิว..
คนที่บอกว่าจะทำนั่นโน่นนี่ตลอดไป หรือคนที่บอกว่าผมพอแล้ว ด้วยความรู้สึกเหมืิอนครั้งแรกที่พูด เราจึงไม่พบได้
เอวัง ด้วยประการฉะนี้
Continue reading “การทำงานแบบฮาโมนี และ ปรากฏการณ์สร้างมูลค่าแบบอิเกีย” »
ในหนังสือพฤติกรรมพยากรณ์ พูดถึงเรื่อง คนเรามักมองข้ามเรื่อง “การพิจารณาถึงผลกระทบของการไม่ตัดสินใจ” ซึ่งก็จริง และเจอบ่อยๆ กว่าจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ คิดย้อนกลับไปอาจเป็นการลงทุนมหาศาลและเสียผลประโยชน์มหาศาล เพียงเพราะปัญหานิดเดียวที่คุยไม่จบและไม่ตัดสินใจสักที
ผมพบว่าปัญหานี้อยู่รอบตัวเรา และผลกระทบมันก็มีอยู่ แต่ต่างกันแค่ระยะเวลาที่ใช้ กับความสำคัญของเรื่องที่จะต้องตัดสินใจ ถ้าในระดับชาติ อาจยกตัวอย่างได้ว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลป้องกันน้ำที่กำลังไหล่บ่ามาท่วมชุมชนของพวกเขา แต่รัฐบาลและนักวิชาการกำลังทะเลาะกันเรื่องทฤษฎีป้องกันน้ำ เช่น จะใช้ถุง Big Bag หรือ น้ำดันน้ำ อะไรก็ว่ากันไป กว่าจะตัดสินใจได้ ประชาชนก็จทน้ำไปเรียบร้อยแล้ว หรือเรื่องบางเรื่องก็ถูกยืดเยื้อไว้ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าการดอง เช่น การสร้างถนนในบางเส้น ที่อาจไปทับที่ของผู้ใหญ่หรือทับที่ป่าบางส่วน จะลุยต่อก็เจ็บตัว จะไม่ทำก็โกงกินไม่ได้ สุดท้าย ก็ดองไว้เหมือนเดิม (อาจจะอีกตัวคือโฮปเวล) ซึ่งผมว่าประเทศเราเห็นชัดเจน เพราะด้านหนึ่งหลังชนฝาเรื่องโกงกินจึงจำเป็นต้องสร้าง แต่อีกด้านหนึ่งเจอการขัดขาเพราะจับได้หรืออะไรก็ว่าไป แล้วก็เกิดการดองเกิดขึ้น
ถ้าเอาเรื่องใกล้ตัวเราก็อาจพบบ่อยๆ ตามบริษัท โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ กว่าจะมีการตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก็อาจกินเวลาไปหลายเดือน ซึ่งส่งผลกระทบแน่นอน ถ้าคู่แข่งมีวิธีการทำงานและการตัดสินใจที่รวดเร็วกว่า
ต่อให้มี Decision making theory, Change Management, Risk managment หรืออะไรก็ตามที่ช่วยทำให้วางแผนวิเคราะห์กับสิ่งที่จะเกิดในการตัดสินใจในแต่ละอย่าง สุดท้ายแล้ว เมื่ออยู่ในโลกความเป็นจริง และกับคนหมู่มากที่ล้วนมีอำนาจ มีเงิน เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทุกอย่างที่กล่าวมาอาจถูกมองข้ามไป
คนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆ ที่มีทรัพยากรย์จำกัดยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดผมจะซื้อคอนโดทีหนึ่งก็ต้องหาข้อมูล จะกู้ธนาคารก็ต้องหาข้อมูล เทียบแล้วเทียบอีก จนสูญเสียโปรโมชั่นไปหลายอย่าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้บอกให้รีบด่วนตัดสินใจ หรือให้ไม่ต้องคิดมากเพื่อจะตัดสินใจนะ เพียงแค่อยากให้เข้าใจว่า “ไม่มีอะไร perfect แต่ก็ต้องมีแผนรับมือกับความบกพร่อง”
ปล. แนวคิดนี้ผมแอบคิดถึงวิธีการพัฒนาระบบแบบ Scrum คือแบ่งงานออกเป็น Sprint เสร็จเป็นรอบๆ ไม่ต้องสมบูรณ์ครบทุกอย่างตามที่สั่ง แต่ก็สามารถใช้งานได้ เท่าที่ระบบจะมี แล้วค่อยๆทำเพิ่มต่อไปเรื่อยๆๆ จนสมบูรณ์ภายหลัง ส่วนเรื่องความพร้อมในการรับมือความบกพร่อง นอกจาก Test แล้ว ยังต้องมีแผนสำรองด้วย ทั้งนโยบาย(แผนสำรอง), ระบบ, Operation
ในความเป็นจริงผู้คนมากมายต
ความฝันที่ยากบ้างง่ายบ้างแ
ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่ง
(พร้อมทำท่าวาดมือออกกว้างๆ
ในขณะที่พูด ก็ให้มองไปไกลๆ
ไกลสุดลูกหูลูกตา.. อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บางคนอาจรู้สึกเป็นท้าทายใน
แต่กับบางคนอาจกลับรู้สึกเค
และเหงา.. เอาหละ ไม่ว่าคุณรู้สึกอย่างไร
แต่สาเหตุของความรู้สึกนั้น
มันเป็นผลลัพธ์ของฝันที่ยัง
หรือจางหายไปในชั่วขณะ
ในห้วงที่เวลานั้นทีลิ้นชัก
รีบไขว่คว้าความรู้สึกนั้นไ
ก่อนมันจะลบเลือนไป
พร้อมกับใจที่ห่อเหี่ยว
—
บันทึกหลังจากการเดินป่าครั