NG Thai เล่มใหม่ เขียนเรื่องความประหลาดของหลุมดำได้โคตรมันส์เลยคุณเอ๋ย
เมื่อดวงอาทิตย์ที่ใหญ่มหึมาได้ดับลงจะหดตัวเองเป็นดาวนิวตรอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่กิโล แต่จะมีน้ำหนักและแรงโน้มถ่วงมหาศาล ถ้าหย่อนมาร์ชแมลโลว์ไปสักชิ้น พอมันตกถึงพื้น จะสร้างพลังงานระดับปรมาณูหนึ่งลูก
ถ้าเราทิ้งระเบิดปรมาณูความรุนแรงเดียวกับที่ระเบิดในฮิโรชิมาทุกๆ1มิลลิวินาที ไปจนสิ้นอายุขัยของเอกภพ ก็ยังไม่ได้พลังงานเท่ากับที่ดาวยักษ์สักดวงยุบตัวก่อนจะไปเป็นหลุมดำ อะตอมจะแตกสลาย เป็นอิเล็กตรอน โปรตอน นิวตรอน แล้วก็แตกย่อยลงไปอีกเป็นควาร์ก เลปตรอน กลูอนอน แล้วป่นย่อยไปอีก จนความรู้ที่เรามีก็ไม่อาจแตกได้ว่าจะเป็นอะไรต่อไป ก่อนจะกลายเป็นหลุมดำ
ความเราหลุดพ้นจากโลกเรามี 11กม/วินาที ก็บินออกไปได้ เร็วเท่ากับลูกปืนหกเท่า ส่วนเอกภพมีความเร็วจำกัดแค่ 299,792กม/วินาที นั่นคือความเราแสง แต่ความเร็วแสง ก็ยังเร็วไม่พอที่จะหลุดออกจากการดูดของหลุมดำไปได้
ไอน์สไตน์ บอกว่าหลุมดำเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติที่สุด ที่แรงโน้มถ่วงจะยิ่งใหญ่ไปกว่าแรงแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแรงนิวเคลียร์ เพราะมันสามารถบีบดาวขนาดใหญ่ให้หายวับไปในพริบตาเดียวได้ เพื่อไปเป็นหลุมดำ
ไม่มีใรรจะได้เห็นหลุมดำ เพราะมันเป็นจุดว่างเปล่าในอวกาศ แต่เรารู้ว่ามันมีเพราะเราเห็นสิ่งที่ไปกระทบกับมัน แล้วถูกกระทำ, แต่อีกไม่กี่เกือนข้างหน้า เราจะได้เห็นกานดูดกลุ่มแก๊สของหลุมดำเป็นบุญตา
ไอน์สไตน์บอกว่า แรงโน้มถ่วงมีผลกับเวลา ถ้าเอานาฬิกาทรายตั้งบนพื้นกับไปตั้งบนยอดตึกสูงๆ เวลาจะไม่เท่ากัน แต่โลกแรงดึงดูดไม่เยอะขนาดเห็นความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หลุมดำก็เปรียบเป็นไทม์แมชชีนดีๆนี่เอง เพราะแค่อยู่ตรงขอบ 1นาที จะเท่ากับเวลาในโลก 1พันปี และถ้าเราข้ามเส้นขอบไปแล้ว คนบนโลกจะเห็นเราค้างอยู่แบบนั้นไปตลอดกาล
สติเฟน ฮอว์กิง บอกว่า หลุมดำอาจไม่ได้อยู่ไปตลอดกาล มันจะระเหยหายไปเอง เพียงแต่นานแค่ไหนไม่รู้ รู้แค่ว่ามันจะเหลืออยู่เป็นสิ่งเดียวในเอกภพในอนาคตอันไกลโพ้น
ถ้าเราเอาเท้าเข้าหลุมดำ จะถูกยืดออกเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้
ก้นหลุมดำในใจกลางจะเป็นดินแดนลึกลับเรียกว่า singularity มันอธิบายไม่ได้ด้วยกลศาสตร์ควอนตัมหรือทฤษฎีสัมพันธภาพหรือทฤษฎีใดๆในโลก แต่เราจินตนาการได้ว่าจะเป็นวัตถุขนาดเล็กมากๆและหนักมากๆเกินกว่าเราจินตนาการ แต่ิย่าไปสนใจเลย เพราะเราคงไม่มีวันได้รู้