ผมได้ยินกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกในลาวใต้มานานแล้ว ว่ากันว่าน้ำตกทีลอซูที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเรา ยังเรียกว่าน้องๆ ไปเลย, กดดูคลิปวีดิโอและรูปก็ยังไม่สะใจ ครั้งนี้ผมเลยขอไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่า ว่าจะอลังการสักแค่ไหน
สถานที่ที่ผมจะไปอยู่ในเขตบ้านหนองหลวง แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ซึ่งแถบนั้นเรียกว่าที่ราบสูงโบโลเวน (Bolaven Plateau) เป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของลาว และเป็นที่ตั้งของโรงงานดาวคอฟฟี่ด้วย โดยแถบนั้นจะมีน้ำตกเยอะมาก แต่ที่นิยมไปกัน มี 5 แห่ง คือ ตาดสักการะ ตาดน้ำพาก ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ (ตาด แปลว่า น้ำตก)
เราเริ่มต้นเดินทางโดยรถทัวร์จากกรุงเทพฯ 22:00น. ถึง ช่องเม็ก ประมาณ 8:00น. ของอีกวัน เป็นครั้งแรกที่ผมไปช่องเม็ก (ครั้งแรกที่ไปอุบลฯ ด้วยแหละ แหะๆ) วันนั้นเป็นวันทำงาน ที่ด่านเลยดูเงียบๆ มีตลาดเช้าเล็กๆให้พอเดินเล่นซื้อของกินได้บ้าง ซึ่งผ่าน ตม ฝั่งไทยไม่มีปัญหาอะไร แต่ ตอนผ่าน ตม ฝั่งลาว โดนเก็บคนละ 50 บาท แต่บางคนก็โดน 100-200 ตามแต่เจ้าหน้าที่ลาวจะเรียก (อันนี้ผมคิดว่าเขาเก็บกันเองนะ ถ้าใครจะไปลองยื่นให้แค่ 50 บาทก่อน)
ด่านช่องเม็ก จ.อุบลฯ ดูเงียบๆพอสมควร น่าจะเพราะเป็นวันธรรมดา
ตลาดเช้าช่องเม็ก ดูคึกคักดี
ข้ามฝั่งมาที่ลาวเรียบร้อย
ที่ ตม ลาว ผมพบนักท่องเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เยอะพอสมควร
รถที่ใช้โดยสานไปยังปากเซและบ้านหนองหลวง
เมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาศักดิ์ ค่อนข้างใหญ่พอสมควร
เราต้องนั่งรถจากชายแดนเข้าไปที่เมืองปากเซ (เมืองหลวงของแขวงจำปาศักดิ์) ประมาณ 50กม แล้วจากปากเซไปปากซองอีก 40กม ถนนส่วนใหญ่ราดยางโอเคดี แต่จากปากซองเข้าบ้านหนองหลวงอีก 10กม อันนี้เป็นทางดินขรุขระ ถ้ามัวแต่นั่งเม้าส์ก็จะได้กินฝุ่นกันไปตลอดทาง ฮ่าๆ
ระหว่างทางผ่านโรงงานกาแฟดาวด้วย (ซ้ายมือที่มีป้ายใหญ่ๆ)
ทางเข้าไปบ้านหนองหลวง ฝุ่นตลบเลยทีเดียว
ที่นอนของเราตลอดทริปนี้ ที่บ้านอ้ายจันนา หมู่บ้านหนองหลวง
ลานบ้านชั้นสองใหญ่มาก นอนกันได้หลายสิบคนเลย
กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน บรรยากาศเหมือนไปงานบวชหรืองานแต่งใครสักคนที่ต่างจังหวัด ฮ่าๆๆๆ
เราพักกันที่บ้านอ้ายจันนา อยู่ในตัวหมู่บ้านหนองหลวง เป็นบ้านไม้สองชั้นค่อนข้างใหญ่ที่เจ้าบ้านใช้ชีวิตอยู่กันชั้นหนึ่ง และชั้นสองเป็นบ้านโล่งๆสำหรับใช้รับแขก รายล้อมไปด้วยต้นกาแฟที่มีเม็ดเต็มรวง ที่นี่ดินดีมาก เพราะเป็นดินภูเขาไฟ มีอากาศเย็นสลับฝนตลอดปี จึงทำให้ปลูกอะไรก็งาม
เพื่อนคนลาวเล่าให้ฟังว่า ที่ดินแถวนั้นคนไทยอยากได้มาก คือ ผมว่าก็ไม่แปลกแล้วหละ ขนาดผมยังอยากไปอยู่เลย ฮ่าๆ
บ้านแถวนี้มักปลูกดอกไม้กัน แล้วก็ปลูกได้สวยซะด้วย ดินดี อากาศดีมาก
ภายในตัวหมู่บ้านหนองหลวง
คนแถวนี้นิยมปลูกกาแฟกัน มีที่นิดหน่อย แม้แต่รั้วบ้าน ถ้าไม่ปลูกดอกไม้ก็ปลูกกาแฟ
เพื่อนคนลาวบอกว่า บ้านไหนมีลูกสาว บ้านนั้นจะปลูกดอกไม้ ยิ่งปลูกเยอะแปลว่ามีหลายคน ว่าแล้วเพื่อนผมเลยตามผู้สาวลาวมาให้ดูกันเลย อิอิ
วันแรกที่ไปถึงก็บ่ายๆ แล้ว จัดแจงขนสัมภาระขึ้นบ้านเสร็จ เราเดินไปชมวัดประจำหมู่บ้าน ระยะทางไปกลับประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งตรงนั้นจะมีลานหิน ปูด้วยมอสนุ่มๆ แซมด้วยเปราะภูและหญ้าข้าวก่ำสลับไปมา พอต้องแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน สวยไม่หยอกเลยหละครับ
วัดประจำหมู่บ้าน (ต้องขออภัย ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ ไม่กล้าพิมพ์ชื่อตามป้ายด้วย กลัวผิด แหะๆ)
ลานหินที่เต็มไปด้วยมอส เปราะภู และหญ้าข้าวก่ำ ซึ่งบางส่วนจะเป็นกุฏิสงฆ์ เขาจะไม่ให้เข้าไป
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ดีนะที่มาทัน
เปราะภูที่รัก
เช้าวันที่สอง นอกจากเสริฟข้าวให้ทาน ได้มีโอกาสลองกาแฟอาราบิก้าของลาว (จากที่ถามมา เขาใช้วิธีแบบพื้นบ้าน โดยจะเด็ดเม็ดกาแฟมาคั่วในกะทะ แล้วเอาไปตำในครกให้ละเอียด จากนั้นใช้ผ้าขาวบางห่อผงกาแฟไปชักผ่านน้ำร้อน เป็นอันเสร็จพิธี) ผมเองไม่ใช่คอกาแฟ เลยไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่ รู้แค่รสไม่ขมจนสากคอ และไม่เปรี้ยว กินเพียวๆได้ ช่วยให้ขี้ไหลดี (ตลกแบบอุบาทว์)
วันนี้เดินค่อนข้างมากหน่อย ไป-กลับ ประมาณ 24 กิโลเมตร เพื่อไปที่ตาดน้ำพาก เส้นทางช่วงแรกเป็นถนนดิน สลับเดินตัดสวนกาแฟชาวบ้านและดงทาก (มีทากยั้วเยี้ยตลอดทาง) ใกล้ๆจะถึง ต้องเดินข้ามแม่น้ำสูงระดับเอว น้ำแรงพอสมควร ต้องเดินจับเชือกเพื่อป้องกันตัวไหลตามน้ำ คือ ถ้าพลาดไหลไป ก็ไปร่วงที่น้ำตกที่จะดูนั่นแหละ
จุดข้ามแม่น้ำนี้สำคัญมาก เพราะบอกเลยว่าเราจะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะถ้าโชคไม่ดี น้ำแรงไป จะไม่สามารถข้ามไปได้ (ซึ่งคนในทีมบางคน เคยมา 2 ครั้งแล้ว แต่ข้ามไปไม่ได้)
ทางไปตาดน้ำพาก ทางไม่ยาก แต่ไกล
สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่กาแฟ
และเบื้องหลังไร่กาแฟคือการตัดไม้ เผาป่า เราจะเห็นภาพนี้อยู่เรื่อยๆ สลับกับไร่กาแฟ
ลูกเบอรี่มีให้เก็บกินตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะทางเดินไปตาดน้ำพากนี่แหละครับ หวานอร่อยดี แต่ต้นมันร้ายกาจมาก หนามเยอะมาก เกี่ยวแขนเกี่ยวขาผมตลอดทาง
ซ้อมเดินข้ามน้ำกันเล็กๆ
ต้องข้ามน้ำพากไป ซึ่งถ้าโชคไม่ดี น้ำแรงมากจะไปต่อไม่ได้ ต้องเดินกลับอย่างเดียว
แม้ช่วงที่ผมไปเรียกว่าน้ำน้อยแล้ว แต่ก็ถือว่าแรงพอสมควร ต้องใช้ทั้งเชือกและไกด์จับประคองตัวไปเรื่อยๆ
ด้วยเราอยู่บนที่ราบสูงเหนือน้ำตก ถ้าจะดูน้ำตกสวยๆก็ต้องมองดูจากข้างล่างใช่ไหมครับ นั่นแหละ ทุกน้ำตกที่เราไปเลยต้องไต่หิน โหนเชือก เพื่อลงไปข้างล่างกัน รวมถึงตาดน้ำพากนี้ด้วย โชคดีที่หินไม่ได้ลื่นมากนัก แต่ก็ต้องคอยระแวงเชือกขาด เพราะน้ำหนักตัวเกือบร้อย.. ฮือๆ ฉันกลับบ้านฉันจะลดน้ำหนัก (พูดครั้งที่หนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่น)
เริ่มต้องไต่ลงกันแล้ว
ชันและลื่น บางช่วงต้องก้าวยาว และใช้มือโหนขึ้นไป ใช้เชือกจะปลอดภัยกว่า
จากเสียงคำรามของน้ำตกที่ได้ยินมาแต่ไกล ตอนนี้ภาพแรกที่ปรากฎในสายตาผมของตาดน้ำพาก มันยิ่งใหญ่ สวยงาม สมคำล่ำลือจริงๆครับ น้ำตกลดหลั่นกันสามชั้น แต่ละชั้นสูงหลายสิบเมตร ความแรงของน้ำทำให้ผมที่ยืนอยู่ไกลๆเปียกโชคไปหมด มันคุ้มค่ากับที่เดินทางมาดูจริงๆ
เราพักทานข้าวกลางวันกันตรงตาดน้ำพาก ชุ่มชื้นและเย็นสบาย กินไปก็ได้ไอละอองน้ำไปด้วย แต่ก็อบอุ่นที่ความรู้สึก บรรยากาศแบบนี้มักหาได้เสมอๆ เวลาเข้าป่า นอกจากวิวสวย อาหารอร่อย (เหนื่อยไง กินอะไรก็อร่อย) ยังมีมิตรภาพดีๆ ให้ได้สัมผัส
ขนาดว่าผมอยู่ไกลๆแล้ว ยังเปียกไปหมด เพราะน้ำแรงมาก
กินข้าวเที่ยงกันท่ามกลางบรรยากาศแสนสบาย (เหรออ….)
ณ จุดนี้ กินอะไรก็อร่อยทุกอย่างหละครับ แม้แต่ กุ้นเชียง แตงกวา ฮ่าๆ
ขากลับจากตาดน้ำพากเจอรุ้งซ้อนสองชั้นด้วย สวยมากครับ เสียดาย กล้องเก็บได้ไม่ครบทุกเฉดสี
วันนั้นหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ พวกเราแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเดินกลับไปที่หมู่บ้าน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง เดินต่อไปที่ตาดสักการะ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางไกด์บอกว่าตาดสักการะค่อนข้างอันตรายเพราะดินเพิ่งถล่ม มันอาจถล่มซ้ำได้ ทำให้เราใช้เวลากับตาดน้ำพากเยอะไม่ได้เผื่อเวลาไปที่อื่น ตอนนั้นเองระหว่างทางแยกไปตาดสักการะ ปาไปบ่ายสามโมงแล้ว ถ้าไปกลับอย่างเร็วจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ทางลงชันและยากกว่าตาดน้ำพาก ผมจึงตัดสินใจไม่ไปต่อ เพราะเท้าเริ่มเจ็บ กลัวจะทำเวลาไม่ได้ตามที่เขาบอก
ภาพตาดสักการะที่เพื่อนผมไปมา (ภาพโดยคุณอาธันวา – Thanva Phongprasert)
เดินวันแรกก็จัดหนัก แทบทุกคนเท้าซีดเป็นไก่ต้มเลยทีเดียว บางคนรวมถึงผมเท้าพุพองเพราะถุงเท้ากัดบ้าง รองเท้ากัดบ้าง บางคนก็ทากกัดบ้างตามยถากรรม, อ่อผมลืมบอก นอกจากกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกลาวใต้แล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อกิตติศัพท์ความยากด้วย ยิ่งถ้ามากับทีมป๋าคมรัฐต้องฟิตร่างกายให้ดีหน่อยและเดินเก่งด้วย เพราะป๋าจะพาเดินไปแล้วเดินกลับเลย เทียบกับทีมอื่นที่เขาพาไปแล้วนอนค้างแถวน้ำตก วันรุ่งขึ้นค่อยเดินกลับไปที่อื่นต่อ
ทั้งเดินเยอะ และชื้นตลอดเวลา เท้าซีดเป็นไก่เลยทีเดียว
เดินวันที่สอง วันนี้ก็จัดหนักอีกเช่นเดิม เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อรีบไปด่านหนองหลวง ที่นี่ใช้เวลาเดินประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นป่าดิบชื้นเดินสบายในไอหมอก ช่วงแรกๆมีให้เสียวนิดหน่อย ต้องโหนสลิงข้ามแม่น้ำไป ใครตัวไม่สูงหรือกลัว ก็ต้องยอมเปียกเดินลงน้ำแทน
ตอนดูคนอื่นไม่เสียวนะ แต่พอไปโหนเอง มันก็กลัวมือลื่น(ใส่ถุงมือ) เท้าพลิก รองเท้าลื่น ฮ่าๆ
ที่ต้องรีบไปด่านหนองหลวงเพราะเราสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นจากที่นี่ได้ และดูน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่งของลาวใต้ได้ในจุดเดียว (ตาดสักการะ ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ)
ที่ด่านหนองหลวง จะเป็นลานหินคล้ายๆกับที่วัดในหมู่บ้าน แต่กว้างกว่าเยอะมากๆ มีมอสนุ่มๆประปราย แต่มีหญ้าข้าวก่ำ เปราะภู และหม้อข้าวหม้อแกงลิงเต็มทุ่งไปหมด ช่วงที่เราอยู่บนนั้น อากาศดีมาก เย็นพอสมควร ลมแรง และมีหมอกพัดมาเป็นระลอกๆ แม้จะน่าเสียดายที่ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็พอมีบางช่วงที่ฟ้าเปิดให้เราได้เห็นน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ครบถ้วนเลย
ด่านหนองหลวงจะมองเห็นน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่ง คือ ตาดสักการะ ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ
ด่านหนองหลวงเป็นป่าสนบนทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยเปราะภู
อากาศเย็นสบายมาก หมอกมาพร้อมลมหนาวเป็นระลอกๆ
แอ็กชั่นกันเต็มที่ ด่านหนองหลวงสวยมากครับ
เปราะภูเต็มไปหมด (ตัวบุ้งเยอะมากครับ ต้องเดินดีๆ)
ด่านหนองหลวงสวยมากๆ น่านอนค้างแรมสักคืนสองคืน
เปราะภูเต็มทุ่งด่านหนองหลวง
แผนวันที่สองเราเปลี่ยนกันนิดหน่อย ต้องไปดูน้ำตกตาดตาเกดก่อนจะมาด่านหนองหลวง แต่ดินถล่มจนทำให้การเดินทางไปลำบากแล้วก็อันตราย ไกด์เลยไม่พาเราไป เราจึงใช้เวลาตรงด่านหนองหลวงเพื่อผ่อนคลายนานพอสมควร เพราะอากาศดีมาก (ซึ่งถ้ามากับบางทีม เขาจะเลือกกางเต๊นท์นอนค้างกันที่นี่เลยหนึ่งคืน)
ที่นี่ แค่นั่งเฉยๆก็มีความสุขแล้ว
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เราเดินไปต่อกันที่ตาดเสือและตาดขมึด สองที่นี้อยู่ติดกัน เส้นทางเดินลงอย่างเดียวประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ แต่ไต่ระห่ำบ้าบอมาก ไม่ถึงขั้นใช้เชือกโหนเหมือนตาดน้ำพาก แต่จะเจอทางดินชันระดับ 30-45 องศา ปีนหิน ไต่บันได ครบทุกรสชาติเลย
ที่ตาดขมืดและตาดเสือ ด้านล่างจะมีเกสเฮ้าเป็นกระท่อมทาซานเปิดให้นักท่องเที่ยวมานอนพัก และมีกิจกรรมน่าสนุกอย่างมาก คือ zipline ผมเคยเห็นคลิปที่ฝรั่งไปเล่นและรายการในไทยมาถ่ายทำ โครตน่าเล่นเลยครับ ก่อนไปลาวครั้งนี้ ผมเตรียมเงินแล้วก็เตรียมใจมาเล่นเต็มที่ (ราคาแต่ละคนบอกไม่เหมือนกัน แต่น่าจะราวๆ 4,000-5,000 บาท) ปรากฎว่า อดเล่นครับ เพราะต้องติดต่อบริษัทในเมืองปากเซก่อน เพื่อเขาจะได้เตรียมอุปกรณ์จากปาเซมาให้เรา
ตาดขมึด สูงและใหญ่มากครับ
ตาดขมึด (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)
ตาดขมึด (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)
ความยิ่งใหญ่ของตาดขมึด(แค่ชั้นเดียว) เมื่อเทียบกับคน (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)
Zipline ที่ตาดขมึด เหมือนไม่สูง แต่ของจริงสูงมาก (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)
แต่ก็ดีแล้วครับที่ไม่ได้เล่น เพราะของจริงมันสูงมากกว่าที่ผมคิดเสียอีก น่าหวาดเสียวดีแท้
ที่ตาดเสือ เป็นน้ำตกขนาดไม่กว้างมาก สูงพอๆกับตาดขมึด ส่วนตาดขมึด ยิ่งใหญ่และสูงพอสมควร น่าจะพอๆกับตาดน้ำพาก ตกไหลลดหลั่นกันหลายชั้น เสียดายเวลาถ่ายภาพจะติดสลิงของ zipline ด้วย
ข้างๆ ตาดขมึดจะมีตาดเสือไหลมาบรรจบกัน
ขากลับ เราเดินย้อนขึ้นไปบนยอดตาดขมึด วิวสวยมากครับ และมีโหนสลิงให้ได้เสียวกันอีกแล้ว
มองจากบนยอดตาดขมึด ไกลๆลิบๆ ซ้ายมือที่เป็นน้ำไหล นั่นคือตาดเสือ ถัดไปอีกนิด เป็นเกสเฮ้าส์ที่ผมยืนถ่ายรูปก่อนหน้านี้ ซึ่ง zipline ที่ต้องโหนลงไป มีความสูงประมาณนี้แหละ
ระหว่างทาง ไกด์สอยขนุนป่าให้ลองกิน เออ อร่อยดีอ่ะ หรือเพราะไม่ได้กินขนุนมานานแล้วก็ไม่รู้นะ
ระยะทางจากตาดขมึดกลับหมู่บ้านประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดินพอดี คืนนั้นสนุกกันเต็มที่เพราะไม่ต้องเดินทางต่อแล้ว เช้าวันที่สามมีเพื่อนบางคนเข้าไปตาดสักการะด้วย แต่ผมเองเลือกเดินเล่นในหมู่บ้านดีกว่า เท้าระบมสุดๆ เก็บไว้ปีหน้าจะกลับไปเก็บสองน้ำตกที่เหลืออย่างแน่นอน
สรุปการเดินทาง
เป็นทริป 3 วัน เดินเท้าประมาณ 40 กิโลเมตร ในเส้นทางค่อนข้างสมบุกสมบัน คนจะไปก็ฟิตนิดหนึ่งครับ เตรียมอุปกรณ์กันฝนและรองเท้าที่ระบายน้ำได้จะดีมาก ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้มค่า ความยิ่งใหญ่ ความสวยงามสามารถใช้รูปที่ผมถ่ายการันตีได้เลย แต่ถ้าย้อนกลับไปให้ตอบว่าเทียบกับทีลอซูแล้วเป็นอย่างไร ผมว่าสวยกันคนละแบบนะ แม้ที่นี่จะใหญ่กว่าก็จริง แต่ทีลอซูเรามีความหลากหลายทางมิติมากกว่า เช่น การนั่งเรือเข้าไป มีน้ำตกสายรุ้ง มีต้นไม้ป่าไม้หลากหลาย สำหรับผมแล้ว แนะนำให้ไปมันทั้งสองที่นั่นแหละ ฮ่าๆๆ
ความสวย: 10/10
ความสนุก: 10/10
ความยาก: ปานกลาง-ยาก
แหล่งเติมน้ำ: มี
ระยะทาง: 40 กิโลเมตร
(ระยะทางวัดจากการเดินไปกลับ หมู่บ้าน-วัด 4 กม, หมู่บ้าน-ตาดน้ำพาก 24 กม, หมู่บ้าน-ด่านหนองหลวง 5 กม, ด่านหนองหลวง-ตาดหมึด-หมู่บ้าน 9 กม)
ระยะเวลาขาขึ้น: N/A
ระยะเวลาขาลง: N/A
ความสูง ณ จุดสูงสุด: 1,2xx เมตร
ความสูง ณ จุดต่ำสุด: 8xx เมตร
วัดประจำหมู่บ้านหนองหลวง เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก ชื่อ วัดป่าคีรีวงกตธรรมมาราม หรือ วัดถ้ำพระ
Mr.Roger Green