in Travel

ขึ้นที่ราบสูงโบโลเวน ตามหาน้ำตกใหญ่แห่งลาวใต้

ผมได้ยินกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกในลาวใต้มานานแล้ว ว่ากันว่าน้ำตกทีลอซูที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเรา ยังเรียกว่าน้องๆ ไปเลย, กดดูคลิปวีดิโอและรูปก็ยังไม่สะใจ ครั้งนี้ผมเลยขอไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่า ว่าจะอลังการสักแค่ไหน

สถานที่ที่ผมจะไปอยู่ในเขตบ้านหนองหลวง แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ซึ่งแถบนั้นเรียกว่าที่ราบสูงโบโลเวน (Bolaven Plateau) เป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของลาว และเป็นที่ตั้งของโรงงานดาวคอฟฟี่ด้วย โดยแถบนั้นจะมีน้ำตกเยอะมาก แต่ที่นิยมไปกัน มี 5 แห่ง คือ ตาดสักการะ ตาดน้ำพาก ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ (ตาด แปลว่า น้ำตก)

เราเริ่มต้นเดินทางโดยรถทัวร์จากกรุงเทพฯ 22:00น. ถึง ช่องเม็ก ประมาณ 8:00น. ของอีกวัน เป็นครั้งแรกที่ผมไปช่องเม็ก (ครั้งแรกที่ไปอุบลฯ ด้วยแหละ แหะๆ) วันนั้นเป็นวันทำงาน ที่ด่านเลยดูเงียบๆ มีตลาดเช้าเล็กๆให้พอเดินเล่นซื้อของกินได้บ้าง ซึ่งผ่าน ตม ฝั่งไทยไม่มีปัญหาอะไร แต่ ตอนผ่าน ตม ฝั่งลาว โดนเก็บคนละ 50 บาท แต่บางคนก็โดน 100-200 ตามแต่เจ้าหน้าที่ลาวจะเรียก (อันนี้ผมคิดว่าเขาเก็บกันเองนะ ถ้าใครจะไปลองยื่นให้แค่ 50 บาทก่อน)

11731676_10155807448365644_8591332477697769493_oด่านช่องเม็ก จ.อุบลฯ ดูเงียบๆพอสมควร น่าจะเพราะเป็นวันธรรมดา

10996351_10155807448375644_6140148422529814589_oตลาดเช้าช่องเม็ก ดูคึกคักดี

11717537_10155807448775644_2241152275117579636_o
ข้ามฝั่งมาที่ลาวเรียบร้อย

 

11703506_10155807449015644_5702319815986759788_o
ที่ ตม ลาว ผมพบนักท่องเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น เยอะพอสมควร

11061728_10155808444220644_8477976366287814158_oรถที่ใช้โดยสานไปยังปากเซและบ้านหนองหลวง

11057746_10155807449245644_8766944732877367899_oเมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาศักดิ์ ค่อนข้างใหญ่พอสมควร

เราต้องนั่งรถจากชายแดนเข้าไปที่เมืองปากเซ (เมืองหลวงของแขวงจำปาศักดิ์) ประมาณ 50กม แล้วจากปากเซไปปากซองอีก 40กม ถนนส่วนใหญ่ราดยางโอเคดี แต่จากปากซองเข้าบ้านหนองหลวงอีก 10กม อันนี้เป็นทางดินขรุขระ ถ้ามัวแต่นั่งเม้าส์ก็จะได้กินฝุ่นกันไปตลอดทาง ฮ่าๆ

11707732_10155807449525644_2434324887290176562_o
ระหว่างทางผ่านโรงงานกาแฟดาวด้วย (ซ้ายมือที่มีป้ายใหญ่ๆ)

11705492_10155808443010644_1465782418260248777_oทางเข้าไปบ้านหนองหลวง ฝุ่นตลบเลยทีเดียว

11110506_10155807449810644_5976509848898034173_o
ที่นอนของเราตลอดทริปนี้ ที่บ้านอ้ายจันนา หมู่บ้านหนองหลวง

11713747_10155807450045644_1239735534910309167_o
ลานบ้านชั้นสองใหญ่มาก นอนกันได้หลายสิบคนเลย

11722675_10155807450585644_1673018074677409408_o
กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน บรรยากาศเหมือนไปงานบวชหรืองานแต่งใครสักคนที่ต่างจังหวัด ฮ่าๆๆๆ

เราพักกันที่บ้านอ้ายจันนา อยู่ในตัวหมู่บ้านหนองหลวง เป็นบ้านไม้สองชั้นค่อนข้างใหญ่ที่เจ้าบ้านใช้ชีวิตอยู่กันชั้นหนึ่ง และชั้นสองเป็นบ้านโล่งๆสำหรับใช้รับแขก รายล้อมไปด้วยต้นกาแฟที่มีเม็ดเต็มรวง ที่นี่ดินดีมาก เพราะเป็นดินภูเขาไฟ มีอากาศเย็นสลับฝนตลอดปี จึงทำให้ปลูกอะไรก็งาม

เพื่อนคนลาวเล่าให้ฟังว่า ที่ดินแถวนั้นคนไทยอยากได้มาก คือ ผมว่าก็ไม่แปลกแล้วหละ ขนาดผมยังอยากไปอยู่เลย ฮ่าๆ

11036264_10155814886195644_4811201019188597901_o
บ้านแถวนี้มักปลูกดอกไม้กัน แล้วก็ปลูกได้สวยซะด้วย ดินดี อากาศดีมาก

11144973_10155814887820644_8983065750770126323_o
ภายในตัวหมู่บ้านหนองหลวง

11709757_10155814888260644_132167206674331735_oคนแถวนี้นิยมปลูกกาแฟกัน มีที่นิดหน่อย แม้แต่รั้วบ้าน  ถ้าไม่ปลูกดอกไม้ก็ปลูกกาแฟ

11221807_10155813400225644_5461023780072408665_o
เพื่อนคนลาวบอกว่า บ้านไหนมีลูกสาว บ้านนั้นจะปลูกดอกไม้ ยิ่งปลูกเยอะแปลว่ามีหลายคน ว่าแล้วเพื่อนผมเลยตามผู้สาวลาวมาให้ดูกันเลย อิอิ

วันแรกที่ไปถึงก็บ่ายๆ แล้ว จัดแจงขนสัมภาระขึ้นบ้านเสร็จ เราเดินไปชมวัดประจำหมู่บ้าน ระยะทางไปกลับประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งตรงนั้นจะมีลานหิน ปูด้วยมอสนุ่มๆ แซมด้วยเปราะภูและหญ้าข้าวก่ำสลับไปมา พอต้องแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน สวยไม่หยอกเลยหละครับ

11731645_10155807450370644_929565693366940928_oวัดประจำหมู่บ้าน (ต้องขออภัย ผมจำชื่อไม่ได้จริงๆ ไม่กล้าพิมพ์ชื่อตามป้ายด้วย กลัวผิด แหะๆ)

11069368_10155814878825644_2482758209880819619_oลานหินที่เต็มไปด้วยมอส เปราะภู และหญ้าข้าวก่ำ ซึ่งบางส่วนจะเป็นกุฏิสงฆ์ เขาจะไม่ให้เข้าไป

11699043_10155814878815644_6749662183126923039_o พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ดีนะที่มาทัน

11149194_10155814878540644_4007491725913462299_oเปราะภูที่รัก

เช้าวันที่สอง นอกจากเสริฟข้าวให้ทาน ได้มีโอกาสลองกาแฟอาราบิก้าของลาว (จากที่ถามมา เขาใช้วิธีแบบพื้นบ้าน โดยจะเด็ดเม็ดกาแฟมาคั่วในกะทะ แล้วเอาไปตำในครกให้ละเอียด จากนั้นใช้ผ้าขาวบางห่อผงกาแฟไปชักผ่านน้ำร้อน เป็นอันเสร็จพิธี) ผมเองไม่ใช่คอกาแฟ เลยไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่ รู้แค่รสไม่ขมจนสากคอ และไม่เปรี้ยว กินเพียวๆได้ ช่วยให้ขี้ไหลดี (ตลกแบบอุบาทว์)

วันนี้เดินค่อนข้างมากหน่อย ไป-กลับ ประมาณ 24 กิโลเมตร เพื่อไปที่ตาดน้ำพาก เส้นทางช่วงแรกเป็นถนนดิน สลับเดินตัดสวนกาแฟชาวบ้านและดงทาก (มีทากยั้วเยี้ยตลอดทาง) ใกล้ๆจะถึง ต้องเดินข้ามแม่น้ำสูงระดับเอว น้ำแรงพอสมควร ต้องเดินจับเชือกเพื่อป้องกันตัวไหลตามน้ำ คือ ถ้าพลาดไหลไป ก็ไปร่วงที่น้ำตกที่จะดูนั่นแหละ

จุดข้ามแม่น้ำนี้สำคัญมาก เพราะบอกเลยว่าเราจะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะถ้าโชคไม่ดี น้ำแรงไป จะไม่สามารถข้ามไปได้ (ซึ่งคนในทีมบางคน เคยมา 2 ครั้งแล้ว แต่ข้ามไปไม่ได้)

11696502_10155808427540644_2178566520596697038_o
ทางไปตาดน้ำพาก ทางไม่ยาก แต่ไกล

11722623_10155808432550644_6927191394839440098_o
สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่กาแฟ

11216224_10155808432485644_2335914231120898331_o
และเบื้องหลังไร่กาแฟคือการตัดไม้ เผาป่า เราจะเห็นภาพนี้อยู่เรื่อยๆ สลับกับไร่กาแฟ

11659494_10155807449710644_6496276437799285467_nลูกเบอรี่มีให้เก็บกินตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะทางเดินไปตาดน้ำพากนี่แหละครับ หวานอร่อยดี แต่ต้นมันร้ายกาจมาก หนามเยอะมาก เกี่ยวแขนเกี่ยวขาผมตลอดทาง

11709454_10155808428170644_861031887548728095_n
ซ้อมเดินข้ามน้ำกันเล็กๆ

11731660_10155808428465644_3306041233242517308_oต้องข้ามน้ำพากไป ซึ่งถ้าโชคไม่ดี น้ำแรงมากจะไปต่อไม่ได้ ต้องเดินกลับอย่างเดียว

885582_10155808429070644_6111774995582448693_o
แม้ช่วงที่ผมไปเรียกว่าน้ำน้อยแล้ว แต่ก็ถือว่าแรงพอสมควร ต้องใช้ทั้งเชือกและไกด์จับประคองตัวไปเรื่อยๆ

ด้วยเราอยู่บนที่ราบสูงเหนือน้ำตก ถ้าจะดูน้ำตกสวยๆก็ต้องมองดูจากข้างล่างใช่ไหมครับ นั่นแหละ ทุกน้ำตกที่เราไปเลยต้องไต่หิน โหนเชือก เพื่อลงไปข้างล่างกัน รวมถึงตาดน้ำพากนี้ด้วย โชคดีที่หินไม่ได้ลื่นมากนัก แต่ก็ต้องคอยระแวงเชือกขาด เพราะน้ำหนักตัวเกือบร้อย.. ฮือๆ ฉันกลับบ้านฉันจะลดน้ำหนัก (พูดครั้งที่หนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่น)

11247888_10155808429360644_6490843978112083006_nเริ่มต้องไต่ลงกันแล้ว

11709504_968766776509085_2497661789180489644_n
ชันและลื่น บางช่วงต้องก้าวยาว และใช้มือโหนขึ้นไป ใช้เชือกจะปลอดภัยกว่า

จากเสียงคำรามของน้ำตกที่ได้ยินมาแต่ไกล ตอนนี้ภาพแรกที่ปรากฎในสายตาผมของตาดน้ำพาก มันยิ่งใหญ่ สวยงาม สมคำล่ำลือจริงๆครับ น้ำตกลดหลั่นกันสามชั้น แต่ละชั้นสูงหลายสิบเมตร ความแรงของน้ำทำให้ผมที่ยืนอยู่ไกลๆเปียกโชคไปหมด มันคุ้มค่ากับที่เดินทางมาดูจริงๆ

11016971_10155814879390644_2696447229830018869_o

เราพักทานข้าวกลางวันกันตรงตาดน้ำพาก ชุ่มชื้นและเย็นสบาย กินไปก็ได้ไอละอองน้ำไปด้วย แต่ก็อบอุ่นที่ความรู้สึก บรรยากาศแบบนี้มักหาได้เสมอๆ เวลาเข้าป่า นอกจากวิวสวย อาหารอร่อย (เหนื่อยไง กินอะไรก็อร่อย) ยังมีมิตรภาพดีๆ ให้ได้สัมผัส

11412248_10155808430425644_8832210681873915966_n
ขนาดว่าผมอยู่ไกลๆแล้ว ยังเปียกไปหมด เพราะน้ำแรงมาก

11246375_10155803718645644_3339045753823445844_n
กินข้าวเที่ยงกันท่ามกลางบรรยากาศแสนสบาย (เหรออ….)

10999101_10155808431460644_4050736985817810492_nณ จุดนี้ กินอะไรก็อร่อยทุกอย่างหละครับ แม้แต่ กุ้นเชียง แตงกวา ฮ่าๆ

11698687_968462876539475_3387395294064714179_nขากลับจากตาดน้ำพากเจอรุ้งซ้อนสองชั้นด้วย สวยมากครับ เสียดาย กล้องเก็บได้ไม่ครบทุกเฉดสี

วันนั้นหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ พวกเราแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเดินกลับไปที่หมู่บ้าน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง เดินต่อไปที่ตาดสักการะ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางไกด์บอกว่าตาดสักการะค่อนข้างอันตรายเพราะดินเพิ่งถล่ม มันอาจถล่มซ้ำได้ ทำให้เราใช้เวลากับตาดน้ำพากเยอะไม่ได้เผื่อเวลาไปที่อื่น ตอนนั้นเองระหว่างทางแยกไปตาดสักการะ ปาไปบ่ายสามโมงแล้ว ถ้าไปกลับอย่างเร็วจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ทางลงชันและยากกว่าตาดน้ำพาก ผมจึงตัดสินใจไม่ไปต่อ เพราะเท้าเริ่มเจ็บ กลัวจะทำเวลาไม่ได้ตามที่เขาบอก

11698558_967612389957857_4150862986417347869_n
ภาพตาดสักการะที่เพื่อนผมไปมา (ภาพโดยคุณอาธันวา – Thanva Phongprasert)

เดินวันแรกก็จัดหนัก แทบทุกคนเท้าซีดเป็นไก่ต้มเลยทีเดียว บางคนรวมถึงผมเท้าพุพองเพราะถุงเท้ากัดบ้าง รองเท้ากัดบ้าง บางคนก็ทากกัดบ้างตามยถากรรม, อ่อผมลืมบอก นอกจากกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกลาวใต้แล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อกิตติศัพท์ความยากด้วย ยิ่งถ้ามากับทีมป๋าคมรัฐต้องฟิตร่างกายให้ดีหน่อยและเดินเก่งด้วย เพราะป๋าจะพาเดินไปแล้วเดินกลับเลย เทียบกับทีมอื่นที่เขาพาไปแล้วนอนค้างแถวน้ำตก วันรุ่งขึ้นค่อยเดินกลับไปที่อื่นต่อ

10501764_10155808432780644_447524532388914051_nทั้งเดินเยอะ และชื้นตลอดเวลา เท้าซีดเป็นไก่เลยทีเดียว

เดินวันที่สอง วันนี้ก็จัดหนักอีกเช่นเดิม เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อรีบไปด่านหนองหลวง ที่นี่ใช้เวลาเดินประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นป่าดิบชื้นเดินสบายในไอหมอก ช่วงแรกๆมีให้เสียวนิดหน่อย ต้องโหนสลิงข้ามแม่น้ำไป ใครตัวไม่สูงหรือกลัว ก็ต้องยอมเปียกเดินลงน้ำแทน

11705505_10155808433325644_3567596827820122879_o
ตอนดูคนอื่นไม่เสียวนะ แต่พอไปโหนเอง มันก็กลัวมือลื่น(ใส่ถุงมือ) เท้าพลิก รองเท้าลื่น ฮ่าๆ

ที่ต้องรีบไปด่านหนองหลวงเพราะเราสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นจากที่นี่ได้ และดูน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่งของลาวใต้ได้ในจุดเดียว (ตาดสักการะ ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ)

ที่ด่านหนองหลวง จะเป็นลานหินคล้ายๆกับที่วัดในหมู่บ้าน แต่กว้างกว่าเยอะมากๆ มีมอสนุ่มๆประปราย แต่มีหญ้าข้าวก่ำ เปราะภู และหม้อข้าวหม้อแกงลิงเต็มทุ่งไปหมด ช่วงที่เราอยู่บนนั้น อากาศดีมาก เย็นพอสมควร ลมแรง และมีหมอกพัดมาเป็นระลอกๆ แม้จะน่าเสียดายที่ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็พอมีบางช่วงที่ฟ้าเปิดให้เราได้เห็นน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ครบถ้วนเลย

11219451_10155808441775644_3538665010442121506_o
ด่านหนองหลวงจะมองเห็นน้ำตกใหญ่ทั้ง 4 แห่ง คือ ตาดสักการะ ตาดตาเกด ตาดขมึด และตาดเสือ

1908117_10155808440355644_1497281536046295528_n
ด่านหนองหลวงเป็นป่าสนบนทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยเปราะภู

11059735_10155808437705644_2274933279289180632_o
อากาศเย็นสบายมาก หมอกมาพร้อมลมหนาวเป็นระลอกๆ

11090994_10155808437320644_6326622468442272441_o
แอ็กชั่นกันเต็มที่ ด่านหนองหลวงสวยมากครับ

11710047_10155814880885644_3963607336702337342_o
เปราะภูเต็มไปหมด (ตัวบุ้งเยอะมากครับ ต้องเดินดีๆ)

11713693_10155814880480644_6825532826898495357_o
ด่านหนองหลวงสวยมากๆ น่านอนค้างแรมสักคืนสองคืน

11731858_10155814880155644_2640177479448181957_o
เปราะภูเต็มทุ่งด่านหนองหลวง

แผนวันที่สองเราเปลี่ยนกันนิดหน่อย ต้องไปดูน้ำตกตาดตาเกดก่อนจะมาด่านหนองหลวง แต่ดินถล่มจนทำให้การเดินทางไปลำบากแล้วก็อันตราย ไกด์เลยไม่พาเราไป เราจึงใช้เวลาตรงด่านหนองหลวงเพื่อผ่อนคลายนานพอสมควร เพราะอากาศดีมาก (ซึ่งถ้ามากับบางทีม เขาจะเลือกกางเต๊นท์นอนค้างกันที่นี่เลยหนึ่งคืน)

11411890_10155808440410644_3749457594418484289_o
ที่นี่ แค่นั่งเฉยๆก็มีความสุขแล้ว

หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เราเดินไปต่อกันที่ตาดเสือและตาดขมึด สองที่นี้อยู่ติดกัน เส้นทางเดินลงอย่างเดียวประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ แต่ไต่ระห่ำบ้าบอมาก ไม่ถึงขั้นใช้เชือกโหนเหมือนตาดน้ำพาก แต่จะเจอทางดินชันระดับ 30-45 องศา ปีนหิน ไต่บันได ครบทุกรสชาติเลย

ที่ตาดขมืดและตาดเสือ ด้านล่างจะมีเกสเฮ้าเป็นกระท่อมทาซานเปิดให้นักท่องเที่ยวมานอนพัก และมีกิจกรรมน่าสนุกอย่างมาก คือ zipline ผมเคยเห็นคลิปที่ฝรั่งไปเล่นและรายการในไทยมาถ่ายทำ โครตน่าเล่นเลยครับ ก่อนไปลาวครั้งนี้ ผมเตรียมเงินแล้วก็เตรียมใจมาเล่นเต็มที่ (ราคาแต่ละคนบอกไม่เหมือนกัน แต่น่าจะราวๆ 4,000-5,000 บาท) ปรากฎว่า อดเล่นครับ เพราะต้องติดต่อบริษัทในเมืองปากเซก่อน เพื่อเขาจะได้เตรียมอุปกรณ์จากปาเซมาให้เรา

11698783_10155814882490644_5497413912091630643_o
ตาดขมึด สูงและใหญ่มากครับ

11741034_584465471692571_8250086584337303353_oตาดขมึด (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)

10926354_583525611786557_5673244819924952238_o
ตาดขมึด (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)

11241441_577681592370959_4491728447805853386_o
ความยิ่งใหญ่ของตาดขมึด(แค่ชั้นเดียว) เมื่อเทียบกับคน (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)

11412051_577706642368454_7195288133751875417_oZipline ที่ตาดขมึด เหมือนไม่สูง แต่ของจริงสูงมาก (ภาพโดยพี่โอ – O Ponthep Thuankleeb)

แต่ก็ดีแล้วครับที่ไม่ได้เล่น เพราะของจริงมันสูงมากกว่าที่ผมคิดเสียอีก น่าหวาดเสียวดีแท้

ที่ตาดเสือ เป็นน้ำตกขนาดไม่กว้างมาก สูงพอๆกับตาดขมึด ส่วนตาดขมึด ยิ่งใหญ่และสูงพอสมควร น่าจะพอๆกับตาดน้ำพาก ตกไหลลดหลั่นกันหลายชั้น เสียดายเวลาถ่ายภาพจะติดสลิงของ zipline ด้วย

10330318_969265379792558_7537705428762729194_n
ข้างๆ ตาดขมึดจะมีตาดเสือไหลมาบรรจบกัน

ขากลับ เราเดินย้อนขึ้นไปบนยอดตาดขมึด วิวสวยมากครับ และมีโหนสลิงให้ได้เสียวกันอีกแล้ว

11698931_10155814883940644_4350804769579519377_oมองจากบนยอดตาดขมึด ไกลๆลิบๆ ซ้ายมือที่เป็นน้ำไหล นั่นคือตาดเสือ ถัดไปอีกนิด เป็นเกสเฮ้าส์ที่ผมยืนถ่ายรูปก่อนหน้านี้ ซึ่ง zipline ที่ต้องโหนลงไป มีความสูงประมาณนี้แหละ

ระหว่างทาง ไกด์สอยขนุนป่าให้ลองกิน เออ อร่อยดีอ่ะ หรือเพราะไม่ได้กินขนุนมานานแล้วก็ไม่รู้นะ

ระยะทางจากตาดขมึดกลับหมู่บ้านประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดินพอดี คืนนั้นสนุกกันเต็มที่เพราะไม่ต้องเดินทางต่อแล้ว เช้าวันที่สามมีเพื่อนบางคนเข้าไปตาดสักการะด้วย แต่ผมเองเลือกเดินเล่นในหมู่บ้านดีกว่า เท้าระบมสุดๆ เก็บไว้ปีหน้าจะกลับไปเก็บสองน้ำตกที่เหลืออย่างแน่นอน

สรุปการเดินทาง

เป็นทริป 3 วัน เดินเท้าประมาณ 40 กิโลเมตร ในเส้นทางค่อนข้างสมบุกสมบัน คนจะไปก็ฟิตนิดหนึ่งครับ เตรียมอุปกรณ์กันฝนและรองเท้าที่ระบายน้ำได้จะดีมาก ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้มค่า ความยิ่งใหญ่ ความสวยงามสามารถใช้รูปที่ผมถ่ายการันตีได้เลย แต่ถ้าย้อนกลับไปให้ตอบว่าเทียบกับทีลอซูแล้วเป็นอย่างไร ผมว่าสวยกันคนละแบบนะ แม้ที่นี่จะใหญ่กว่าก็จริง แต่ทีลอซูเรามีความหลากหลายทางมิติมากกว่า เช่น การนั่งเรือเข้าไป มีน้ำตกสายรุ้ง มีต้นไม้ป่าไม้หลากหลาย สำหรับผมแล้ว แนะนำให้ไปมันทั้งสองที่นั่นแหละ ฮ่าๆๆ

ความสวย: 10/10
ความสนุก: 10/10
ความยาก: ปานกลาง-ยาก
แหล่งเติมน้ำ: มี

ระยะทาง: 40 กิโลเมตร
(ระยะทางวัดจากการเดินไปกลับ หมู่บ้าน-วัด 4 กม, หมู่บ้าน-ตาดน้ำพาก 24 กม, หมู่บ้าน-ด่านหนองหลวง 5 กม, ด่านหนองหลวง-ตาดหมึด-หมู่บ้าน 9 กม)

ระยะเวลาขาขึ้น: N/A
ระยะเวลาขาลง: N/A

ความสูง ณ จุดสูงสุด: 1,2xx เมตร
ความสูง ณ จุดต่ำสุด: 8xx เมตร

Summary
Article Name
ขึ้นที่ราบสูงโบโลเวน ตามหาน้ำตกใหญ่แห่งลาวใต้
Description
ผมได้ยินกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของน้ำตกในลาวใต้มานานแล้ว ว่ากันว่าน้ำตกทีลอซูที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเรา ยังเรียกว่าน้องๆ ไปเลย, กดดูคลิปวีดิโอและรูปก็ยังไม่สะใจ ครั้งนี้ผมเลยขอไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่า ว่าจะอลังการสักแค่ไหน
Author

Leave a Reply for mr.Roger Green Cancel Reply

มาคุยกัน

Comment

  1. วัดประจำหมู่บ้านหนองหลวง เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก ชื่อ วัดป่าคีรีวงกตธรรมมาราม หรือ วัดถ้ำพระ
    Mr.Roger Green