in Lifestyle

ปล่อยวาง เพราะ โลกไม่ใช่ของเรา

พักนี้ผมดูแปลกไปเนอะ
ไม่ต้องฟังจากคนอื่นก็ได้ครับ
แต่ผมก็รู้สึกได้เอง

อารมณ์แปรปรวนเหมือนอากาศในช่วงที่ผ่านมา
แต่มักมีความกดดันสูงเป็นหย่อมๆ
ตกค่ำและตอนดึกของวันเริ่มผ่อนคลายบ้าง

ถ้าคนที่สนิทกันจะพอรู้ว่า
จริงๆ ผมเป็นคนใจเย็นนะ
แต่ออกจะขี้รำคาญสักหน่อย
และมักจะขี้บ่นบ่อยๆ กับคนใกล้ตัว
สงสัยจะเสพรสการเมืองมากไปนิดหนึ่ง
พักหลัง เลยลุยบ่อยขึ้น
เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลในหลายๆ เรื่อง

ผมเริ่มรู้สึกเริ่มหงุดหงิดกับตัวเอง
ที่ความอดทนและประณีประนอมน้อยลง

พยายามแล้วนะครับ พยายามจริงๆ
แต่ด้วยความเป็นคนเปิดเผยเกินเหตุ
ถึงจะไม่พูดหรือแสดงกิริยาอะไรออกไป
แต่หูผมจะแดง.. 😛
(ฮือๆ ผมห้ามมันไม่ได้..จริงๆ)

แต่เอาเถอะครับ ห้ามกายได้ก็ต้องห้ามใจให้ได้ก่อน
ใจมันว่าง กายมันก็จะไม่ร้อนผ่าว หูมันก็จะไม่แดงเอง
จริงมะครับ..

วันนี้จู่ๆ เพื่อนก็ พูดมาประโยคหนึ่ง “โลกไม่ใ่ช่ของเรา”
จริงๆ มันมีอีกคนพูดมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่ได้สนใจอะไร
ได้ยินปุ๊บ อ่อ มันคือชื่อเพลง จบ.. ฮา…

วันนี้เลยมีโอกาสได้นั่งคิดใคร่ครวญพรรณาแสวงหาพินิจพิเคราะห์เจาะจงในความหมาย [จะยาวไปไหน?]
เออ ว่ะ “โลกไม่ใช่ของกู กูบังคับมันไม่ได้..”
“งานก็ไม่ใช่ของกู กูไม่ต้องทำก็ได้..”
อ่ะ ประโยคหลังนี่ล้อเล่นๆ เดี๋ยว “เงินเดือนไม่ใช่ของกู” ไปด้วยล่ะ เดี๋ยวจะได้ร้อง แซ๊ด ซอง โซ มัส

(เออ.. เขียนบล็อกไปๆมาๆ รู้สึกตัวเองเริ่มอารมณ์ดี ปล่อยมุขควายไปหลายตัว)

จริงๆ ผมเพิ่งซื้อหนังสือลดราคามาเล่มหนึ่ง
เป็นหนังสือ เต๋า ที่เขียนโดยท่านพุทธทาส
มีโอกาสได้อ่านก่อนนอนกับตอนนั่งขี้บ้างนิดหน่อย [จะบอกทำไมเนี่ย -. .-” ]
เลยทำให้อินกับคำว่า “โลกไม่ใ่ช่ของเรา” อยู่พอสมควร

ผมพยายามคิดมาตลอดว่า
อะไรที่ไม่ใช่ผม ผมบังคับไม่ได้สักอย่าง
และอะไรที่ผมคิดและรู้สึก แต่กับอีกคนย่อมต่างกัน
มันจึงจะทำให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้น

ย้ำ! มันยังอยู่ใน “โหมดความพยายาม” นะครับ
ยังไม่ใช่ โหมด “ประสบความสำเร็จ”

บางสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ ผมจะมองเสียว่ามันเป็นธรรมชาติ
ธรรมชาติของหมา ธรรมชาติของแมว
ธรรมชาติของตึก ธรรมชาติของต้นไม้
ธรรมชาติของคนสวย ธรรมชาติของคนเจ้าชู้
ธรรมชาติของทักกี้ ธรรมชาติของคนเห็นแก่ตัว

อืม เมื่อมันเป็นธรรมชาติ ก็คงต้องปล่อยมันไป จริงไหมครับ?
แต่ถ้าเป็นนักวิปัสสนาและธรรมะ อะไรที่ผิด ไม่ถูกต้อง ไม่ตามจริง เป็นทางลง
สิ่งนั้นวางเฉยไม่ได้ และต้องแก้ไข จริงไหมครับ?

(อ้าว สรุปแบบนี้คือ จะไม่ปล่อยวางใช่ไหม เนี่ย?)

ป่าวครับ ปล่อยวางในที่นี้ ถ้าภาษาธรรมะ เรียกว่า “อุเบกขา”
แต่คง “อุเบกขา” แบบทางโลกๆ ที่ยังไม่เป็นกลางจริง
เพราะต้องเลือกที่จะทำดีหรือทำไม่ดี
(ถ้าอุเบกขา จริงๆ เขาต้องเป็นกลาง ปล่อยวาง แต่ไม่ วางเฉย)

สุดท้ายมันก็วุ่นวายนะครับ
เราไม่ชอบทำแบบนี้ มันดันไม่ถูกใจอีกคน
หรือเรากับเค้าชอบแบบนี้ แต่คนอื่นก็ดันไม่ชอบอีก
เป็นทุกข์ นะครับ เป็นทู๊กกกก…

บังเอิญ ตอนค่ำโชคดีครับ บังเอิญไปเจออะไรที่เตือนสติได้พอดีในเว็บ ป๋า shuu
เป็นวิถีแห่งอิ๊คคิวซัง.. ใช่แล้วครับ ฟังไม่ผิดครับ อิ๊คคิวซังคนเดียวกับในการ์ตูนนี่แหละครับ
เพียงแต่ท่านมีตัวตนจริงๆ และบรรลุธรรม โดยสรุปแก่นได้ดังนี้ครับ

“เหตุแห่งความทุกข์และความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนเกิดจากจิตที่ เต็มไปด้วยอัตตา”

อ่าน เสร็จ เกิดปัญญา มีหลอดไฟกระพริบ บริ๊งๆๆๆ

“เออ กูไม่แบกแระ”

“ไม่ยึดมั่นแระ ว่ามันถูกหรือผิด”

“เห็นค่าแล้วยังไงไม่เห้นค่าแล้วยังไง”

“เถียงแล้วยังไง ไม่เถียงแล้วยังไง”

“รักแล้วยังไงไม่รักแล้วยังไง”

“ทำดีไปวันๆ พอ!”

“เลิก”

คิดเสร็จ รู้สึกผ่อนคลาย ง่วงเลย ฮ่าๆ
แต่ก็นั่งแชต รอรายงาน แล้วก็มาเขียนบล็อก

ถึงบรรทัดนี้คงจะได้นอนสักที เพราะยาวเกินไปแล้ว
ยาวในรอบหลายเดือน

หวังว่าจะไม่ขี้เกียจอ่านนะครับ

รักนะจุ๊บๆ..

(อร๊ายยย~~)

ฝันดีครับ

ปล. เขียนจนจบ อ่านทวน.. ทำไมมันหลายอารมณ์แบบนี้ วะ!

 

source: http://ifew.exteen.com/20081120/entry-1

มาคุยกัน

Comment