in Lifestyle

Begin with the end in mind

ค่ำคืนวันวาเลนไทน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผอ ธนาคาร สาวสวยท่านหนึ่ง ที่เพิ่งกลับมาจากการไปท่องเที่ยวคนเดียว(โดยไม่ชวน)

คุยกันในประเด็นที่ว่า ต่างคนต่างรู้สึกว่าชีวิตโสดตอนนี้ก็ดีแล้ว คงไม่ได้คิดว่าจะต้องมีครอบครัว แต่โอเค ถ้าจะมีเข้ามา ก็ถือว่าเป็นโบนัส และการเข้ามาก็ต้องมาเพื่อพากันให้ดีกว่าเดิม อย่างน้อยก็พากันออกไปเที่ยว (อันนี้ผมเติมเอง ฮ่าๆๆ)

อาจด้วยความที่มี Lifestyle คล้ายกัน เที่ยวเหมือนกัน และเจอคนกลุ่มคล้ายๆกัน ก็มานั่งสังเกตว่า คนที่เกษียณแต่ละคนที่พวกเราได้เจอ ทุกคนดูมีความสุขมาก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดี ท่องเที่ยวได้ กินได้ และสุขภาพแข็งแรงทุกคน

สิ่งที่นางเล่ามา มันทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า ความคิดนั้น จริงแล้วมีอยู่หัวผมตลอด แต่ผมไม่เก็บมาครุ่นคิดจริงจังเลยสักครั้ง แต่วันนี้ต่างคนต่างชวนคิด มองแบบข้าม short ไปไกลมาก เกินกว่าจะพูดถึงแค่ Career Path แต่เรามองมันว่า เราจะเกษียณอย่างไรให้เป็นสุข

หลายๆ สิ่ง ที่ผมกับนางคิดตรงกัน พอจะสรุปได้ว่า

  • งานที่ไว้หาเงิน กับสิ่งที่เราชอบ ถ้าเราเจอมันในสิ่งเดียวกัน ก็ถือว่าเราโชคดีมากๆ แล้วก็ทำให้สุด
  • งานที่ทำอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้มีความสุขกับมันมากนัก แต่มันทำเงินให้เรา เพื่อให้เราเอาเงินไปทำในสิ่งที่เรารัก ดังนั้นเราก็ต้องทำให้สุด
  • ความรัก ความชอบ (Passion) ของเรามีมากและราคาแพงแค่ไหน ยิ่งใหญ่แค่ไหน เราก็ต้องหาเงินให้มากพอที่จะเอาไปทำในสิ่งนั้นให้ได้
  • การทำงานเพื่อให้ได้เงินมากๆ มันก็ต้องมีสิ่งที่แลกเปลี่ยนนะ เช่น ตำแหน่งที่สูงขึ้น ความรับผิดชอบที่สูงขึ้น ความรู้ความสามารถที่มากขึ้น ดังนั้น ความกดดัน ความเครียดมันก็มากขึ้นตาม การใช้ชีวิต ใช้เวลาก็ต้องเริ่มมีการวางแผน
  • เอาจริง ผมเพิ่งมานิยามการเที่ยวตัวเองได้ว่า จริงแล้ว ผมอาจจะไม่ได้ชอบ Adventure ซะทีเดียว แต่ตัวเองคือต้องเที่ยวแบบมีกิจกรรม ให้ได้ไปทำนั่นทำนี่
  • เพราะผมกับนางเที่ยวแบบ Adventure หรือทำกิจกรรม ในสายตาคนอื่นอาจบอกว่าเหนื่อย ผมเลยถามนางว่า นิยามการพักผ่อนของพวกเรา จริงๆ แล้วมันคืออะไร นางให้ความเห็นว่า คือการเบรกจากสิ่งที่คิดอยู่ในปัจจุบัน หรือที่ต้องคิดในทุกๆวัน ได้สลับไปคิดอย่างอื่นบ้าง เช่น จะเดินไปไหนต่อ ฝนตกจะหนีไปหลบตรงไหน นอนตรงนี้แดดร้อนทำไงดี อากาศหนาวเตรียมเสื้อมาไม่พอทำไงดี กลายเป็นว่า ไอ้การคิดสิ่งเหล่านี้ แม้จะต้องใช้สมองเหมือนกัน แต่มันก็มีความสุขนะ (และนางก็ยกตัวอย่างเพิ่มว่า เหมือนคนบอกอยากพักสมอง แต่กลับบ้านเปิด Netflix ดูหนังสืบสวนสอบสวน อาจใช้สมองหนักกว่าเดิมอีก)
  • สไตล์การพักผ่อนของผมกับนาง ถ้าเปรียบเป็นดื่ม ก็คงดื่มเป็นช็อตสั้นๆ, คืนศุกร์เดินทาง เสาร์เที่ยว คืนอาทิตย์กลับ (แต่ของนางอาจจะไปได้นานกว่าผมหน่อย เพราะ WFH) เพราะเรารู้สึกว่า มันได้พักเบรกชั่วครู่ ดีกว่ารอแล้วไปอัดยาวๆ เพราะทุกอย่างมันไม่แน่นอนเสมอไป ตักตวงเสียแต่วันนี้เลยดีกว่า ถ้ามีโอกาส
  • ทุกวันนี้ยังมีคนสงสัยอยู่เลย ว่าผมทำงานไหม หรือถามว่าผมไม่เหนื่อยหรอที่ทำแบบนี้ หรือสงสัยว่าผมเอาเวลาไหนไปทำแบบนี้ ฮ่าๆ
  • สไตล์การใช้ชีวิตหลังเลิกงานก็เช่นกัน มองว่าเป็นการเบรกอย่างหนึ่ง เลิกงานแล้ว ก็ใช้ชีวิตให้เต็มที่ (ประหนึ่งคือวันศุกร์) พอกลับบ้านถ้ามีแรง อยากทำงานต่อก็ทำ ถ้าไม่ไหวก็นอน ก็เท่านั้นเอง (แต่ต้องรับผิดชอบในวันรุ่งขึ้นด้วยนะ)
  • ย้อนกลับไปเรื่องชีวิตหลังเกษียณ เรามีความเห็นตรงกันว่า เราควรจะต้องยังดูดีอยู่ ดังนั้นต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ทำสุขภาพให้แข็งแรง กินอยู่ให้ดี ทำหน้าทำตัวให้ดูดี ถามว่าวัดผลอย่างไร คือเมื่อแก่ไป ก็ต้องมีคนทักว่าดูเด็กกว่าอายุจริง ฮ่าๆ
  • ทุกสิ่งทุกอย่าง ย้อนกลับไปที่ว่า ทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆนะ ใครบอกเงินไม่สำคัญ คือ แม่งไม่จริง เห็นใครใช้ชีวิตติสๆ เท่ๆ แม่งคนพวกนั้นมีเงินทั้งนั้นแหละ หรือไม่ก็ผ่านการเคี่ยวกรำมาเยอะจนมีอิสระภาพได้ เพียงแต่เราไม่เห็นตอนเขาถูกเคี่ยวกรำเท่านั้นเอง
  • ข้อสังเกต คนที่เกษียณแล้วแต่ยังใช้ชีวิตได้อย่างสนุก ส่วนมากพบว่า ยังทำงานอยู่อาจจะในรูปแบบไม่ประจำ เช่น ที่ปรึกษา ทำตรวจสอบ ทำบัญชี ขายความเก๋าว่างั้นเถอะ, เป็นเจ้าของบริษัทที่ไม่ต้องดูแลเองก็ได้แล้ว, เล่นหุ้น, ให้เช่าบ้าน, ให้เช่าที่, ลูกหลานได้ดีเลี้ยงดูได้

สุดท้าย ผมกับนางจากกันด้วยประโยคที่ว่า “Begin with the end in mind.”
ผมกลับมาคิดอีกที พอคำว่าปลายทางมันเปลี่ยนนิยามไป ไม่ใช่แค่ 5-10 ปี และไม่ใช่มองว่าจะวางแผนการเงินหลังเกษียณอย่างไรแล้วทำตามนั้น ผมว่ามันทำให้เรามองได้กว้างขึ้นนะ อาจจะทำให้เราได้วิธีการที่มากกว่าเดิม เป็นตัวเรามากขึ้น และก็ทำให้ไปได้ถูกทางและสะดวกที่จะดำเนินชีวิตตามแบบที่เราอยากเป็น

ปล. ไม่ต้องสงสัยว่ามีคนทำได้ จริงหรอ ตัวอย่างไม่ต้องไปหาไกล ไถดูเพื่อนๆ พี่ๆ ใน Facebook ผมก็ได้ มีหลายคน และอนาคตก็คิดว่าจะมีมากขึ้นอีก

มาคุยกัน

Comment