พอดีเห็นมีคนโพสใน Facebook เลยอยากมาช่วยเผยแพร่ครับ สนับสนุนแนวคิดที่ว่า
“ตายแล้ว เอาไปไม่ได้ บริจาคร่างกายและอวัยวะกันดีกว่า”
บริจาคร่างกาย และบริจาคอวัยวะเพื่อการศึกษา กับสถาบันการแพทย์ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยต่างๆ
และเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยต่างๆ ที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ จากผู้บริจาคทั้งหลาย
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นของการบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา การวิจัย และการรักษาทางการแพทย์ อาทิ
- เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน
- เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
- เพื่อการศึกษาของนักศึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ
- เพื่อเก็บเนื้อเยื่อบางส่วนสำหรับการรักษาทางการแพทย์
- เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางฝึกผ่าตัด
- เพื่อเก็บโครงกระดูกเพื่อการศึกษาตลอดไป
การบริจาคนี้จะอุทิศร่างกายฯ เมื่อเราถึงแก่กรรมแล้วเพื่อให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่ http://www.redcross.or.th/content/page/51
แล้วกรอกข้อความ ส่งแบบฟอร์ม มาพร้อมกับซองที่จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง ทางไปรษณีย์ มาที่
แผนกอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กทม. 10330
(โรงพยาบาลจะส่งบัตรประจำตัวไปให้ภายหลัง)
แต่ถ้าท่านสะดวกไปสถานที่รับบริจาคร่างกายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (นั่ง BTS ไปลงศาลาแดง ง่ายดีครับ)
ให้เตรียมหลักฐานที่ใช้ในการแสดงความจำนงอุทิศร่างกาย คือ
- สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ จำนวน 1 ฉบับ
และเมื่อท่านเสียชีวิต ให้ทำการแจ้งมาที่โรงพยาบาลฯ ทางโรงพยาบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกายฯ
(เฉพาะที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลคือ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี
สมุทรสาคร และนครปฐม(บางอำเภอ) เท่านั้น)
ผู้อุทิศร่างกายฯ ที่อยู่ต่างจังหวัด โรงพยาบาลฯ ขอให้ญาติ บรรจุใส่หีบเย็น หรือใช้ถุงน้ำแข็งอย่างน้อย 2 ถุง วางบนหน้าท้องคลุมด้วยผ้าห่ม
แล้วจึงนำส่งที่ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจดู
*หากไม่สามารถนำมาศึกษาได้ โรงพยาบาลฯ ใคร่ขอความกรุณาให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
สอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-2564281 , 02-2564628 , 02-2564685 , 02-2527028 ต่อ 0 หรือ 4 หรือ 7
—–
ปล1. เมื่อท่านสมัครแล้ว แนะนำให้พกบัตรติดตัวไว้ครับ กรณีเสียชีวิต จะได้โทรติดต่อได้ทันที
ปล2. ผมยังบริจาคร่างกายไม่ได้ เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนน้ำหนักเกินเกณฑ์ที่เขารับ T-T เดี่ยวคงต้องไปยื่นใหม่
ปล3. การจะบริจาคร่างกายหรืออวัยวะ แนะนำให้สอบถามคนในครอบครัวก่อนนะครับ เพราะบางครอบครัวเขาไม่ต้องการให้แยกส่วนรางกายเรา หรืออาจจะขัดกับศาสนพิธี ความเชื่อหลังเราตายไปแล้ว