พักหลังๆ นอนบ่อยมาก ช่วงกลางคืนก็นอน 5 ชม. ถึงเช้า รู้สึกร่างกายกำลังจะแย่ มันผิดปกติแฮะ หมดแรงง่ายๆ และกลับมาถ่ายเป็นเลือดอีกแล้ว โฮ่…. จะเป็นไปอีกนานสักแค่ไหน และก็ยังคงร้องไห้ก็ยังตามเคย
คิดถึงจัง…วันนี้ไปหามาม๊าของที่รักมา เขาไปดูดวงให้เรา ว่าเราเครียดมากๆ ร่างกายเสื่อมโทรมมากตอนนี้ (โอ้ว แม่นเว้ย) เค้าบอกว่าจะมีเพื่อนนำคดีอาญามาเกีย่วข้อง (มันก็มีแต่ยังไม่ได้ทำ) เค้าว่าดวงเราแย่มาก แทบตายเลย ต้องสะเดาะเคราะห์
ป้าไพ่คนงานของมาม๊า ที่ไปดูดวงให้เรา พอเค้ายื่นดวงให้หมอปุ๊บ เค้าบอกว่า ดวงของเพื่อนสนิท เพื่อนที่รู้ใจของน้องปุ้ยใช่ไหม (โอ้ว รู้ได้จังได๋ แค่เห้นวันเกิดกับชื่อเรา) แล้วเค้าก็ดูดวงที่รักต่อจากเรา เค้าบอกว่า ที่รักเรามีดวงเศรษฐีและดวงรวย (เออ บ้านเค้ารวยจริงๆ) แต่อยู่เรื่อยๆ ไม่ค่อยอะไรมากนัก แล้วเค้าบอกว่า เรามีดวงปัญญา,รวยกับ พ. ซึ่งมันคืออะไรไม่รู้ เค้าบอกว่าเราคอยสอนที่รักทุกอย่าง สอนการรใช้ชีวิต สอนเรียนรู้ เป็นที่พึ่งและอยู่ด้วยได้เสมอ แต่เวลาสอนอะไรที่รักแล้ว ต้องระวัง เค้าจะหงุดหงิดใส่บ่อยๆ ว่าทำไม่ได้ (ทำไมทายเหมือนตาเห็น อิอิ)
เฮ่อ พรุ่งนี้ต้องสอบและไปสะเดาะเคราะห์ ตอนบ่าย หวังว่าจะดีขึ้น (แต่มาม๊าบอกไว้แล้วว่า ถ้าอะไรมันจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด เราทำได้สุดกำลังแล้ว)
เรื่องพวกนี้เราเชื่อ 50/50 แต่หมอดูทักตรงพอสมควรก็ชักจะ 65/35 กึ่งๆ เดี๋ยวต้องลองคุยด้วยตัวเอง ว่าจะแม่นสักแค่ไหน
รักตัวเองจัง อยากอยู่ดูแลตัวเองนานๆ ยังไม่ได้ทำอะไรให้อีกหลายๆ อย่างเลย สิ่งที่เขียนเพื่อให้ตัวเองไว้ตอนที่ไม่มีเราอยู่ ไม่รู้จะสนใจมากแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะดูแลไม่ได้ตลอดไป แต่ก็มันต้องมีสักวันนึง ชีวิตมนุษย์ย่อมร่วงโรย
ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ใน ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง
ชาติปิ ทุกขา ความเกิดก็เป็นทุกข์ ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุกปายาสาปิ ทุกขา อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
เมื่อความแก่เข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์ เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์ เมื่อความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจเกิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์ เมื่อประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์ เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์ และแม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด แต่ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์ กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแล เป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตระ ตัตราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา ภะวะตัณหา วิภะวะตัณหา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้แลเป็นต้นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง คือ มีความอยากเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป และมีความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา ก็เป็นเหตุให้ใจเกิดทุกข์ สิ่งใดที่ยังไม่มี ก็คิดอยากจะให้มีขึ้นมา อย่างนี้ก็ทำให้ใจเกิดทุกข์ และเมื่อมีทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว ก็อยากจะให้ทุกอย่างคงทนอยู่ตลอดไป เมื่อมันจะต้องสลายหายไป ก็ร้อนใจไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเกิดทุกข์หนักขึ้นอีก ฯ