ผ่านพบไม่ผูกพัน

บางที เราอาจเดินทางเพื่อหาที่ทิ้งขยะในหัวใจ

บางท่าน แต่งผิวนอกไว้แกร่งกร้าน เนื่องเพราะเนื้อในแน่นคับเกินกว่าจะมีพื้นที่ให้ผู้อื่น
บางคน เย็นชาแข็งกระด้าง เพราะรู้ดีว่า หัวใจของตนอ่อนนุ่มเกินกว่าจะเปิดเผย

บางครั้ง เราเต็มใจเป็นสะพานให้ใครบางคนก้าวข้าม
แต่ห้วงยามแห่งการเสียสละกับห้วงยามแห่งการพลัดพราก ก็มักจะเกิดขึ้นพร้อมกัน
ทั้งนี้ เพราะสะพานย่อมมิใช่ที่อยู่ถาวรของผู้ใด

คนข้างทางในชีวิตเราไม่ได้ปรากฏตัวอย่างไร้เหตุผลเสมอไป 
ผู้แปลกหน้าเหล่านี้ อาจจะมาพร้อมกับข่าวสารบางอย่าง
ที่ช่วยเติมเต็มความรับรู้หรือกระตุ้นสำนึกดีๆ ที่หายไปให้กลับคืน 
หากเรารู้จักอ่านความหมายของการพบกัน

ถ้าเราอยากรู้จักผู้ใดอย่างแท้จริงสักคน
จงดูเส้นทางที่เขาเลือกและวิถีปฏิบัติของเขาขณะอยู่บนเส้นทาง
แต่ไม่ควรใส่ใจดูว่า เขาไปถึงปลายทางหรือไม่

ในยามที่อ่อนแอและอยากถูกรัก ผู้คนอาจสับสนได้ระหว่างความรักที่คิดมอบให้ผู้อื่น กับความรักที่มีต่อตัวเอง ถ้าเรายอมรับว่าความรักเป็นการผจญภัยชนิดหนึ่ง บางทีการตระเตรียม อุปกรณ์บางอย่าง เพื่อช่วยลดทอนความบอบช้ำเสียหายย่อมเป็นสิ่งที่พอกระทำได้

อันดับแรก จงอย่าสับสนระหว่างการรักผู้อื่นกับการรักตนเอง ข้อหลังนี้มักแสดงออกด้วยการอยากถูกรัก ซึ่งจะติดตามมาด้วยข้อเรียกร้องนานาประการ เช่นนี้ความสั้นยาวของเส้นทางรักก็จะขึ้นอยู่กับว่าคนรักของท่านจะหมดสิ้นพลังเมื่อใด

อันดับต่อมาจงอย่าพยายามดัดแปลงคนรักของท่านให้เหมือนตัวท่าน หากจงรักษาความแตกต่างที่เชื่อมโยงเฉกเช่นเวิ้งผ้ากับผืนทะเลที่ติดแน่นอยู่ด้วยกัน เกื้อกูลและส่องสะท้อนความยิ่งใหญ่ของกันและกัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

คนเราเกิดมาในโลก แท้จริงแล้วจะมีเพื่อนร่วมทางสักกี่คน ส่วนใหญ่ที่สุดก็เป็นเพียงคนข้างทางของกันและกัน

ผ่านพบ ไม่ผูกพันธ์ บางทีอาจลึกซึ้งยั่งยืนกว่าร้อยหัวใจเข้ากับทุกอย่าง ด้วยโซ่ตรวนที่มักเรียกผิดๆว่า “ความรัก” 

ทั้งหมดจากหนังสือ “ผ่านพบไม่ผูกพัน” โดย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล 

ไม่กล้า

m000020
“คุณครับ เรารักกันได้ไหม”
ประโยคง่ายๆ ที่ผมไม่กล้าบอกกับคุณตรงๆ
ผมมักมองใครหลายคนรอบข้างผมที่มีคนรัก
ผมคิดเสมอว่าจะทำให้คุณมีความสุขแบบนั้นได้หรือเปล่า
ผมไม่มั่นใจว่า ถ้าผมบอกคุณไป เราจะรักกันได้นานแค่ไหน
คุณครับ ผมกลัว..
ผมกลัวจะทำให้คุณคนที่ผมรักต้องเสียใจ..
วันนี้ผมดูแลคุณดีหรือเปล่านะที่รัก
เวลาที่ผมมีให้คุณน้อยไปไหมครับ
คุณจะรำคาญอะไรในตัวผมบ้างไหมนะ
สิ่งที่ผมทำ ไม่ถูกใจคุณหรือเปล่า
ประโยคเหล่านี้ก้องดังอยู่ในหัวผมเสมอ
เหตุผลของมันแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่ผมดำเนินชีวิตในทุกๆวัน
ความคิดตอกย้ำกับตัวเองที่ว่า
นายฟิวส์ที่กล้าทำสิ่งต่างๆนานา
กลับขี้ขลาดกับเรื่องความรัก
และสุดท้าย นายก็ไม่มีคนที่มารักนายสักคน
และสุดท้าย คนที่นายรัก เขาไม่อยู่รอเพื่อนายได้ตลอดไป
มันช่างน่าเศร้า..
บ่อยครั้งผมอยากมีสติ๊กเกอร์หัวใจเล็กๆ
แปะไว้ว่าผมจองคุณแล้วนะ
แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่กล้าทำหรอก
และคุณก็คงไม่แปะมันไว้ตลอด
แต่ไม่เป็นไรครับ
ขอแค่ได้บอกคุณผ่านตัวหนังสือเหล่านี้
ไม่ว่าคุณจะอยู่กับผมหรือไม่ก็ตาม
ขอแค่คุณได้รู้ไว้
“คุณครับ ผมรักคุณ”
posted on 28 Aug 2011 22:33 by ifew
http://ifew.exteen.com/20110828/entry

จากผมถึงคุณ

เวลาตีสามในเมืองหลวงที่วุ่นวายมากทึ่สุดเมืองหนึ่ง
ฝนเพิ่งตกไปไม่นานนัก ยังพอรับรู้ถึงกลิ่นดินและเสียงหยดน้ำจากหลังคา
ผมกำลังคิดว่าตัวเองควรจะพักผ่อนได้แล้ว หลังจากลุยงานมาทั้งวัน
ดวงตาผมเริ่มอ่อนล้า และมีอาการปวดเมื่อย เพื่อเตือนให้นอนหลับ
แม้ร่างกายชายคนหนึ่งจะเรียกร้องอย่างไรก็ตาม
แต่ความคิดถึงใครบางคนยังคงโลดแล่นในสมองจนเขาหลับไม่ลง
.
.
.
คุณคนนั้นที่ผมคิดถึง
แม้เราทั้งสองยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
จะมีเพียงอาการที่ผมเป็นอยู่
ทำให้ผมคิดว่าคุณมีความสำคัญกับผมมากเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไร
ผมไม่ใช่คนที่มีสิทธิเรียกร้องอะไรจากคุณ..
เพื่อตัวผมเอง
.
.
.
ผมเชื่อว่าคุณมีความน่ารักในแบบของคุณเอง
คุณมั่นใจที่จะทำสิ่งต่างๆ และกล้าแสดงออกในสิ่งที่เหมาะสม
บ่อยครั้งคุณยอมคุยกับผมตั้งแต่ดึกจนเช้าโดยไม่รู้สึกเบื่อ
วันใดที่ผมมีเรื่องให้คิด คุณจะปลอบผม รับฟัง และมีความคิดเห็นให้เสมอ
จากสิ่งที่คุณได้ทำ
ผมรู้นะว่าคุณฉลาดพอสมควรเลยหละ
เพียงแต่คุณไม่อยากแสดงออกให้ผมเห็นตรงๆ
ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้สินะ หัวใจผมถึงกระวนกระวายแทบทุกคืน..
.
.
.
ผมตั้งใจจะบอกสิ่งเหล่านี้กับคุณ เพียงแต่ผมไม่รู้จะบอกอย่างไรดี
ถึงแม้คุณอาจจะไม่ได้อ่านบล็อกนี้
แต่แค่ผมได้ระบายความในใจออกมา
เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ
.
.
.
ด้วยรักและคิดถึงที่สุด
จากผมถึงคุณ
คุณผู้หญิงผู้ไม่มีตัวตน
http://ifew.exteen.com/20110827/entry
posted on 27 Aug 2011 02:44 by ifew

ฉันอยากมีชีวิตอิสระ

โดยปกติผมพยายามจะไม่เขียนเรื่องงานหรือเรื่องเครียด ค่อนข้างคิดอยู่นานที่จะระบายมันออกมาดีหรือไม่ แต่ก็ทำ
ใครรู้จักผมดีจะรู้ว่าผมมักไม่ค่อยอยู่เฉย จะคิดหรือทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา
ถ้างานหมายถึงสิ่งที่ทำแล้วได้เงิน คงต้องเริ่มนับตั้งแต่มัธยมต้นที่ผมเริ่มหัดทำเว็บไซต์ง่ายๆ หาเงิน จนจับมาเป็นความชอบ ใช้ไปแข่งขันต่างๆในสมัยเรียน เลือกที่จะเรียนสาขาต่อในมหาลัยฯ และแม้ยังไม่ทันจบ ผมก็ได้งานโปรแกรมเมอร์ จนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็นับว่าเป้าหมายผมมันก็มาทางนี้ตั้งแต่แรกเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับการเขียนเว็บไซต์ ยังสนุกกับการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตามที่ล่าสุดผมเพิ่งทำเว็บใหม่เสร็จไปคือ twitjj.com
ทุกอย่างดูเหมือนผมไม่มีปัญหาอะไร แล้วผมจะมาบ่นทำไม? ใช่ นั่นมันชีวิตส่วนตัวผมที่ผมไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พ.ศ.2539 เป็นอย่างไร พ.ศ.2554 ผมก็ยังเป็นอย่างนั้น (ดูแก๊แก่เนอะ)
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกเปลี่ยนไป คือ ความรู้สึกในชีวิตการทำงานของผม
ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่มีปัญหาอะไรกับงานที่ทำ หรือผู้ร่วมงาน หรือองค์กร หรืออื่นใด ผมชอบและรักสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
แต่ถ้าเทียบสมัยที่ผมสละชีวิตเรียนมาเริ่มทำงาน จนถึงทุกวันนี้ ความสนุกที่ผมเคยรู้สึกมันหายไป มันหายไปแบบที่ผมไม่รู้ตัว รู้สึกอีกที ผมเหมือนตอนเป็นเด็กที่ไม่อยากไปเรียน ทุกเช้าตื่นมาพร้อมข้ออ้างสารพัดในหัว ฉันปวดหัว  ไม่สบาย ขี้ไม่ออก น้ำไม่ไหล ไฟดับ หงุดหงิด สารพัดเรื่องที่บิ๊วให้ตัวเองจมอยู่บนเตียงไปนานๆ
มันน่าแปลกใจว่าความรู้สึกแบบนั้นกลับมาหาผมได้อย่างไรในเมื่อผมทำงานที่ผมรักอยู่?
บางทีผมก็ตอบตัวเองไปตรงๆว่าผมมันเป็นคนขี้เกียจ ถึงได้คิดแบบนี้!
แต่นั่นคงไม่ใช่สาเหตุ เพราะถึงแม้ผมจะไม่ทำงาน แต่ผมก็ต้องทำอย่างอื่นอยู่ดี
ผมเริ่มนึกย้อนจากปัจจุบันกลับไปอีก 1-2 ปีมานี้ เชื่อมโยงเรื่องต่างๆนานาเข้าด้วยกันเป็นข้อๆ
– ผมเห็นเพื่อนผมหลายคนเริ่มลาออกจากงานไปเรียนต่อ
– เพื่อนบางคนกลับไปทำงานแถวบ้าน หรือไปช่วยงานที่บ้าน
– ผมเห็นคนลาออกจากที่ๆผมอยู่ ได้เงินเดือนเยอะขึ้น งานสบายกว่าเดิม
– ผมเห็นหลายคนออกจากงานประจำไปทำงานส่วนตัวที่ชื่นชอบ บางคนรายได้ดีกว่าเดิมอีกต่างหาก
– งานประจำทำเครียดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
– ผมชอบท่องเที่ยวมากขึ้น
– ผมเห็นใครหลายคนไปเที่ยวบ่อยโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาลางานอะไรกันไปได้อย่างไร
– พักหลังเสพข้อมูลวิธีบริหารธุรกิจส่วนตัวมากอย่างไม่รู้ตัว
– พักหลังได้คุยกับเพื่อนเจ้าของธุรกิจมากขึ้นโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
– มันยังไม่มีความคิดว่าอยากเปลี่ยนงาน
จากหลายๆข้อที่ผมรวบรวมความคิดมา กอปรกับผมอ่านหนังสือ “การลาออกครั้งสุดท้าย” ของ ภาณุมาศ ทองธนากุล ดูเหมือนผมจะพบคำตอบคำหนึ่งนั่นคือ “อิสรภาพ”
ถ้าเป็นประโยคเต็มๆ คือ “ผมต้องการเป็นอิสรภาพจากสิ่งที่เป็นอยู่”
มันค่อนข้างเหมือนในหนังสือที่ผมอ่าน ผมเริ่มเรียงเรียงความต้องการส่วนตัวเป็นข้อๆ
– ผมอยากอยู่กับบ้าน ตื่นสาย นอนดึก
– ผมอยากเที่ยวไปหาประสบการณ์ตามที่ต่างๆ
– ผมอยากมีเวลานั่งเสพ นั่งหาข้อมูลต่างๆที่ผมชอบไปเรื่อยๆ
– ผมอยากไปดูหนัง ฟังเพลง หาอะไรกิน ไปเรื่อยๆ เมื่อผมขี้เกียจ
– ผมอยากออกไปช่วยเหลือสังคมอะไรบางอย่าง
– ผมอยากมีเวลาทำเว็บที่ผมชอบ อยากทำโครงการต่างๆที่ผมเคยวาดฝันไว้ให้เสร็จ
– ผมอยากเป็นพ่อค้า อยากลองทำมาค้าขาย
– อยากมีเวลานั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ อยู่กับตัวเองในเวลาที่ต้องการ
แต่ทั้งนี้ผมก็ต้องมีเงินนิ่งๆ เพื่อใช้จ่ายค่าต่างๆ ถ้าผมยังคงอยู่กรุงเทพฯต่อไป และถ้าเขียนต่อมันจะกลายเป็นบล็อกหัวข้อ How To make money for freedom ของผมไปเสียอย่างนั้น
ณ ตอนนี้ความคิดของผมยังคงตีกัน แต่น้อยลงกว่าเดิมก่อนผมจะเริ่มเรียบเรียงความคิด และผมก็พอมีหนทางอยู่ในใจ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดถูกหรือไม่ผมไม่รู้
มันใช่โอกาสแล้วหรือไม่ผมก็ไม่รู้
ผมพร้อมแล้วหรือยังผมก็ยังตอบได้ไม่เคลียร์
มันเป็นประเด็นที่ยังวกวนไปมา
เคยมีพี่คนหนึ่งทักว่า ชีวิตผมจะรุ่งมากหลังวันเกิดปี 2554 และมันก็เลยวันเกิดผมมาได้สองเดือนแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้ต่อคือ รุ่งในเส้นทางเดิมๆแบบที่ผมกำลังทำ หรือเส้นทางใหม่ที่ผมจะมีอิสรภาพกันแน่?!
ดูเพ้อฝันดี แต่ช่างมัน รุ่งแบบไหนก็ช่าง รู้แต่ฉันอยากมีชีวิตอิสระ
พอกลับมาสู่ความเป็นจริง ณ ตอนนี้
พรุ่งนี้วันจันทร์ ฉันต้องทำงานอีกแล้ว เฮ่อ..
ราตรีสวัสดิ์ครับ
posted on 10 Jul 2011 23:56 by ifew
http://ifew.exteen.com/20110710/entry

03.05.2554

รู้สึกว่าอยากหยุดทุกสิ่งลง

หยุดการคิดไปไกลกับใคร

ยิ่งอยากคิดครอบครองก็ยิ่งห่างไกลจากความสุขที่ต้องการ

ความรู้สึกตอนเก็บตัวมันกลับมาอีกครั้ง
ผมรู้สึกมีความสุขกว่านี้

รู้สึกว่าไปไหนและคุยอะไรกับใครก็ได้กับทุกคนด้วยความสบายใจ

ไม่มีความชอบหรือความรักและความหวังใดที่ต้องเกิดขึ้นเพื่อให้ผิดหวัง

สุดท้ายฉันไม่ต้องเพ้อให้ใครเห็น นอกจากการเขียนบล็อกที่ไม่ต้องสนใจว่าใครจะอ่านหรือไม่

..รู้จักผมได้เท่าที่ผมอยากให้คุณรู้ และถามได้ทุกอย่างเท่าที่คุณอยากรู้


posted on 03 May 2011 23:43 by ifew
http://ifew.exteen.com/20110503/entry