บันทึกการออกบวช วันที่ 11

วันที่ 31 พค. 2548 (บ.01/06/2548 exteen.07/10/2548)

วันนี้ท่านก๋าท่านเก่ง (2พี่น้อง) สึกตอนเช้า ท่านก๋าอายุ 28 ท่านเก่ง 23 แต่หน้าตาเหมือนรุ่นเดียวกับเราเลยแฮะ หรือเราหน้าแก่ 555 จะว่าไปตอนมีผมจะหน้าตาอย่างนี้หรือป่าวไม่รู้เหมือนกัน

ช่วงฉันเช้าวันนี้หลวงพี่มณทลกับหลวงตาเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง เป็นเรื่องที่กระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ท่านบอกว่า ห้องน้ำใต้บรรไดที่พวกเรา (โดยเฉพาะผม) ใช้กันนั้น เมื่อปี 2540 มีโยมผู้หญิงมาปาดคอตายในนั้น โอ้วแม่เจ้า…. หลอนสิครับ เพราะบรรยากาศในนั้นก็มืด อึมครึม และ ห้องมันก็เล็กๆแคบๆ มีกระจกติดผนังส่องลงมา ก็ยิ่งเพิ่มความสยอง ทุกวันมันก็ดูวังเวงอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่ามีอะไรแปลกๆด้วย ยิ่งขนลุกไปกันใหญ่

เวลาเพลวันนี้อิ่มมาก เพราะโยมแม่,ทิดนัท,ทิดก๋าเก่ง มาถวายพร้อมกัน มีทั้งผัดไทย,ข้าวขาหมู,ข้าวมันไก่,ต้มเครื่องใน,ก๋วยเตี๋ยวเป็ดและขนมหวาน หลวงพี่ชิวเลยแซวว่า ถ้ามันมากันอย่างละวันคงจะอร่้อยกว่านี้

ตอนบ่ายกว่าๆ ทุกรูปจำวัดหมด เราไปอาบน้ำในห้องใต้บรรได โอ้ยจิตใจฟุ้งซ่าน กลัวล้างหน้าลืมตามาแล้วเจอต่อหน้าต่อตา ครั้งนี้อาบน้ำเร็วมากๆ ไม่กล้าหลับตาด้วย

พอตอนทำวัตรเย็นเสร็จ ได้เจอหลวงตาท่านหนึ่งท่านแนะนำเรื่องธรรมะ ท่านบอกให้เดินจงกลม 15 นาที นั่งสมาธิ 15 นาที พวกเราซึ่งมี หลวงตา,ท่านปอน,ผม ก็เลยเดินจงกลม 3 รอบโบสถ์ ในใจก็คิดวอกแวกไปบุคคลรอบข้างว่าจะมองเราว่าอะไรบ้าง แต่ก็พยายามดึงกลับมาที่ตัว พอเดินเสร้จก็รู้สึกว่าดีมากๆ เมหือนตัวเองมีสมาธิมากขึ้น สงบมากขึ้น เมหือนสมัยก่อนๆ ที่จิตใจยังไม่ฟุ้งซ่านมากนัก

บันทึกการออกบวช วันที่ 10

วันที่ 30 พค. 2548 (บ.31/05/2548 exteen.07/10/2548)

(วันนี้หลวงพี่นัทสึก เป็นหลวงพี่ที่สอนเราหลายๆ อย่างในขณะบวช) วันนี้เป็นวันพระก็เลยไม่ต้องบิณฑบาตร แต่ว่าต้องทำวัตรนานกว่าปกตินิดนึง พอเสร็จก็ขึ้นมาจำวัดต่อ จำไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเทศน์เลยสะดุ้งตื่น เพราะคิดว่าพวกพระเขาลงศาลากันหมดแล้ว ที่ไหนได้เขาแค่พูดว่าวันนี้เป็นวันอัฐมีบูชา หรือวันที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วันนี้ญาติโยมและอาหารมีไม่มากเท่าวันวิสาขะบูชา แต่ก็เยอะกว่าเดินออกบิณฑบาตรเองหลายเท่ามากนัก การฉันแบบนี้อย่าคิดว่าสบายกว่าการบิณฑบาตรนะ ไม่ใช่เลย! เพราะกว่าจะได้ฉันก็ต้องนั่งรอฟังเทศน์ ร่วมชั่วโมงและด้านหน้าก็มีอาหารวางเรียงรายไว้ทดสอบกิเลส เป็นอะไรที่ทรมานพอสมควรสำหรับพระใหม่อย่างเรา

ช่วงฉันเพลก็พยายามจะกินอาหารให้ได้ เพราะมันยังอิ่มจากการฉันเช้า (ขึ้นศาลา 7.30 ฉันตอน 8.30 เสร็จ 9.30 เพล 11.00 ใกล้กันมากๆ) มันก็เลยทุกข์ทรมาน ถ้าไม่ฉันก้จะไม่มีโอกาสอีกแล้วในวันนั้น

ตอนเที่ยงไปถ่ายรูปมา เพื่อเอาไว้ติดในสัญญาบัตร ตอนแรกพนักงานผู้หญิงบอกให้ไปนั่งรอในห้องแต่งตัว สักพักก็มีผู้หญิงเดินมาอีก 2 คน คนแรกเดินเข้ามาเตรียมของให้ ส่วนอีกคนเดินเข้ามานั่งข้างๆ ในใจก็เริ่มหวาดหวั่นว่าจะต้องให้ผู้หญิงมาแต่งให้พระหรอนี่ แต่พอได้ยินเสียงเท่านั้นแหละ อ๋อ ถึงบางอ้อเลยว่านางผู้นี้มันผู้หญิงเทียม

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็กลับไปเอาของที่บ้าน และแวะเล่น Internet แป๊บนึงก็กลับวัด วันนี้ตอนเย็นฝนตกให้ชุ่มฉ่ำ พอทุ่มครึ่งต้องลงไปเวียนเทียน ซึ่งเป็นการเวียนเทียนครั้งที่ 2 ในชีวิต ซึ่งเวียนเนื่องในวันอัฐมีบูชา ซึ่งทางวัดได้จัดเป็นปีแรก พิธีดูศักสิทธิ์ดีมาก พระ เณร พร้อมใจมาเวียนเทียนกัน แทบทุกรูป มีญาติโยมมาประปรายเพราะไม่ค่อยทราบกัน

บันทึกการออกบวช วันที่ 9

หลวงพี่เดช (เอ๊ะ หรือหลวงน้าดี) อยากอ่านช่วงที่ผมบวชต่อ ก็ขออัพเพิ่มซะเลย

วันที่ 29 พค. 2548 (บ.31/05/2548 exteen.07/10/2548)

วันนี้หลวงพี่ที่รู้จักกันชื่อท่านปั๊มสึกออกไป ท่านเป็นศิษย์เอกของพระครูนิภาเลยทีเดียว เพราะนั่งสนทนากับท่านทุกวัน วันละนานๆ

วันนี้ฉันเช้าพอสมควรแล้วก็ลงไปเป็นพระลำดับให้พระใหม่ซึ่งท่านมีนามสกุล กาญจนกำแหง (นามสกุลคุ้นมากๆ) ญาติโยมที่มาก็มากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่มีอายุพอสมควร

ตอนเริ่มพิธี ต้องนั่งรอพระอุปปัชชา (เจ้าอาวาส) นานพอสมควร เมื่อยขาไปหมด เพราะต้องนั่งพับเพียบ แถมมีการเทศน์สอนนาคอีกประมาณ 40 นาที (พวกหลวงพี่บอกว่า เวลานี้เป้นเวลาเทศน์มาตรฐาน พระดร. เลยทีเดียว) พอเสร็จพธีก็ลงไปฉันเพล และขึ้นมาจำวัด วันนี้ไม่มีอะไรมาก

2 + 2 = 3

ชีวิตมีแต่ความไม่แน่นอนและสับสนวุ่นวาย

ดังนั้น 2 + 2 จึงไม่เท่ากับ 4 เสมอไป

ในยุคนี้(ควันตัม) อาจจะได้ 3.99999…99998 ก็ได้

ได้แนวคิดจากหนังสือ 2 + 2 = 3 (จำไม่ได้แล้วหละว่าใครแต่ง) + แนวคิดของสนธิ ลิ้มทองกุล

สอบเสร็จสักที

เฮ่อ และแล้ววันนี้ผมก็สอบเสร็จสักที
แต่เธอเริ่มสอบวันนี้เป็นวันแรก ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า
ปกติเวลาไหนๆ แม้แต่ช่วงสอบ เธอก็จะมาอยู่คุยด้วยกัน
พอสอบเสร็จเธอก็จะมาบ่นๆๆๆ ว่ามันโครตยากเยย ทำไม่ได้เยย

ไปเดิน big c เพื่อไปซื้อหนังสือไว้อ่านช่วงปิดเทอม
(ของเก่ายังอ่านไม่หมดเลย สงสัยต้องปิดโหมดการซื้อหนังสือสักพักใหญ่ๆ)

กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เจอเด็กวัยรุ่นสองคนชายหญิง เดินจู๋จี๋กัน ขึ้นตัดหน้าเราไป
มองไปแว้บนึง น้องผู้ชายพูดๆกับผู้หญิง น้องผู้หญิงเลยเอามือไปแตะๆ แก้มผู้ชาย แล้วยิ้มๆ

โอ๊ยยยย ตูล่ะอยากกระโดดถีบให้หัวใจมันกระจาย… เจอแบบนี้เครียดเลย

คิดถึงเธอจริงๆ คิดถึงวันเ่ก่าๆ อยากให้วันใหม่มีเธอและมีเราเหมือนเดิม