เจอรีวิวเขาสกเยอะมาก เต็มไปด้วยรูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่ก็ยังมีคนอยากไปและถามถึงวิธีไปเยอะเช่นกัน คิดแล้วก็แปลกดี ไม่ค่อยมีคนเขียนแนว How To เท่าไร (สงสัยคิดว่าง่าย เลยมองข้ามไป)

เอาหละ รีวิวนี้ผมจะแชร์ข้อมูลสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน และต้องการไปเขาสกกับเพื่อนๆสักครั้ง

ปล. เที่ยวครั้งนี้ ภาพถ่ายทั้งหมดของผม จะใช้ Samsung NX500 และเลนส์ 16-50 mm ซึ่งทาง Samsung ให้มาทดลองใช้  แต่ด้วยความเป็นแค่นักท่องเที่ยวไม่ใช่ตากล้อง ก็คงพูดถึงกล้องที่ใช้ในมุมนักท่องเที่ยวมากกว่าจะเขียนถึงเชิงลึกและเทคนิค หากใครสนใจข้อมูลเทคนิคก็ลองดูเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ กล้องดิจิตอล Samsung NX500 , กราบขอบพระคุณ Samsung ไว้ ณ ที่นี้ งามๆ

เอาหละ เรามาเริ่มกันที่ เขาสกคือที่ไหน??

เอิ่ม ทำเป็นเล่นไป ประเด็นนี้ ผมกับเพื่อนๆ งง กันเลยทีเดียว เมื่อลุงคนขับรถตู้ ถามว่า “จะไปไหน จะไปเขาสก หรือไปเขื่อนรัชชประภา” ต่อด้วยคำถามว่า “มันที่เดียวกันหรือเปล่า แล้วเขื่อนเชี่ยวหลานล่ะ” งงกันทั้งคันรถครับ!!

จริงๆแล้วเขาสกที่เราเรียก ชื่อเต็มคือ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” อยู่ในจังหวัดสุราฎร์ธานี  ซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่มาก และที่ที่เราไปนอนแพ ล่องเรือเที่ยวกันนั้น เรียกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” (ชื่อเดิม)  และในหลวงทรงพระราชทานชื่อใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” (แปลว่า แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร) ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาสก นั่นเอง

อ่อ ด้วยความที่เขื่อนรัชชประภาเป็นภูเขาหินปูนผุดเป็นแท่งขึ้นมา จึงมีคนตั้งฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” (กุ้ยหลินของจริงอยู่ที่ประเทศจีน)


กุ้ยหลิน ประเทศจีน (ภาพจาก chinatravelca.com)


เทียบกับกุ้ยหลินของจริง คิดว่าเหมือนป่ะครับ? (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

ต้องมีเวลาเที่ยวเท่าไรถึงจะพอ

พวกเราไปกันที่ 2 วัน 1 คืน โดยเดินทางกัน คืนวันศุกร์ ถึงเขื่อนเช้าวันเสาร์ และกลับบ่ายวันอาทิตย์

ถามว่าลอกทริปไปแบบเราได้ไหม ไปตามได้ครับ แต่เหนื่อยมากกกก เพราะจะมีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 1 วัน 1 คืน, ลืมชีวิต Slow Life แบบจิบกาแฟ นั่งๆนอนๆ อ่านหนังสือ ไปได้เลย เพราะจะได้ทำกิจกรรมกันทั้งวัน ตั้งแต่ นั่งเรือชมวิว เดินป่า ล่องแพ เที่ยวถ้ำปะการัง กินข้าวเที่ยง กินข้าวเย็น โดดน้ำเล่น พายเรือคายัค ถ้าเจอแพที่มีดิสโก้เทค ร้องคาราโอเกะ ก็ยาวๆกันไปทั้งคืนเลยทีเดียว


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)

จริงๆ แนะนำให้ไปสัก 3 วัน 2 คืน กำลังดีครับ โดยอีก 1 วันที่เพิ่มมา ให้ล่องเรือลึกเข้าไปในเขื่อนเพื่อชมวิวและส่องสัตว์ จากนั้นเดินป่าปีนเขาเพื่อไปจุดชมวิว มองเขื่อนมาจากมุมสูง

ฤดูกาลไหนที่ควรไปเที่ยว

ผมคิดว่าที่นี่ไปได้ทั้งปีนะ เพราะผมไปครั้งแรกเดือนเมษายน (เมื่อ 5 ปีก่อน) อากาศเย็นๆ มีหมอก และฝนประปราย ซึ่งปีนี้ที่ผมเพิ่งไปมา (ต้นเดือนกันยายน) ก็เหมือนกันเลย อากาศเย็นๆ มีหมอก เจอฝนนิดหน่อย ช่วงเย็น-ค่ำ


ไปมาสองครั้ง อากาศดีทุกครั้ง คิดว่าบรรยากาศคงเป็นแบบนี้ตลอดมั้งนะ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


สองข้างทางตอนเข้าเขื่อน สวยงามตามท้องเรื่อง (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

แต่ถ้าอ่านจากเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ เขาแนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม-เมษายน เพราะช่วงอื่นๆ จะมีฝนตกตลอด

ค่าใช้จ่ายล่ะ?

ถ้าไปแบบมีแค่ค่าเดินทางและค่าทริปเพียวๆเลย สำหรับหารกัน 9 คน ตกคนละ 2,100 บาท เองครับ

แต่ๆๆ ทริปนี้เราไปกันแบบสบายๆ ไม่ได้เน้นถูกที่สุด แต่ขอคุ้มค่า ง่ายๆ เมาปลิ้น ดิ้นกระจาย อิ่มท้องนอนตาหลับ ค่าใช้จ่ายของเราก็เลยเพิ่มเป็นประมาณคนละ 3,600 บาท

ไอ้ที่เพิ่มมาอีก 1,500 บาท เนี่ย เป็นที่มาของทริปเลยว่าทำไมเรียกว่า กินหรู อยู่สบาย

  • ขาไป กินข้าวเช้าที่ท่าเรือตรงเขื่อนครับ กระจายรายได้ เสียประมาณคนละ 100 บาท (ราคาแบบนี้แทบทุกร้าน)
  • ขาไป แวะซื้อขนม เครื่องดื่มทั่วไป แบบจุใจที่กินได้ 9 คน 2 วัน 1 คืน (ซื้อตาม Lotus Express ก่อนเข้าเขื่อน เลือกขนมแบบ ซื้อ 1 แถม 1)
  • ขาไป แวะซื้อเครื่องดื่มสำหรับ มอมคน 9 คนให้มึนได้ ตรงท่าเรือที่เขื่อน (พบว่าราคาเบียร์ยกแพ็ค 24 กระป๋อง เท่ากับร้านข้างนอก ซื้อตรงท่าเรือแหละ ไม่ต้องแบกให้หนัก)
  • ขากลับ มื้อเที่ยงกินซีฟู้ดที่ร้านอาเตี่ยซีฟู้ด รอเวอร์ไซด์
  • ขากลับ มื้อเย็นกินข้าวต้มโต้รุ่งแถวปราณบุรี (ขออภัย จำชื่อร้านไม่ได้ครับ)

ปล. เรื่องการกิน การดื่ม ก็ตามแต่ตกลงกันในทีมแล้วกันนะครับ 😀


(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)

จะเดินทางไปอย่างไร?

เดินทางโดยรถยนต์ หรือเหมารถตู้ไปกันเอง
จากกรุงเทพฯ ลงใต้โดยใช้ถนนเพชรเกษม) จะผ่านจังหวัดสมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี- ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร แล้วจะถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 685 กม.

ซึ่งถ้ามีเวลาแล้วจัดเต็มมันส์ๆ ผมขอแนะนำให้แวะเที่ยว อัมพวา นอนหัวหินหรือปราณบุรีสักคืน แล้วค่อยไปสุราษฎร์ธานี จะได้ไม่เหนื่อยมากนัก 😀

เดินทางโดยรถไฟ
มีขบวนไปทุกวันครับ (สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีอยู่ในอำเภอพุนพิน) ทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ ใช้เวลาประมาณ 9-11 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th

เดินทางโดยรถทัวร์
มีให้เลือกหลายบริษัทและมีหลายช่วงเวลาครับ แต่ที่ผมคิดว่าสะดวกหน่อยคือ ลองหาจาก ThaiRoute.com ซึ่งจะมีให้บริการดังนี้ครับ (จริงๆ มีเยอะกว่านี้ แนะนำให้ตรวจสอบที่ บขส โดยตรง โทร.1490 หรือเว็บไซต์ transport.co.th ครับ)

ศรีสุเทพทัวร์ (VIP32, VIP24)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 17:00, 18:30, 19:00, 19:50, 20:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 17:30

บัส เอ็กซ์เพลส (VIP24, ป.1)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00, 19:40
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): —

บางกอกบัสไลน์ (VIP32)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 19:30

เดินทางโดยเครื่องบิน
ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่สุราษร์ธานี มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งวันและหลายสายการบินให้เลือก ค่อนข้างสะดวกและราคาไม่แพงนัก ผมเลยเอาเวลามาให้ดูกันคร่าวๆ เผื่อสนในครับ (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน)

AirAsia
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 09:50, 11:40, 14:30, 19:30
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 08:40, 11:25, 13:20, 16:10, 20:50

Nok Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 06:10, 09:20, 12:40, 16:25
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 07:50, 11:00, 14:20, 18:10

Thai Smile Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:25, 17:45
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 10:10, 19:30

Thai Lion air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:55, 14:00, 15:05, 18:55
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 1:10, 15:50, 17:00, 21:00

การเดินทางจากในเมืองสุราษฎร์ – เขื่อนเชี่ยวหลาน
– นั่งรถตู้ สุราษฎร์- ตาขุน – เขื่อนรัชชประภา ที่ตลาดเกษตร 2 (ประมาณคนละ 150 บาท)
– รถบัส สาย 444 กระบี่-พังงา-ทุ่งมะพร้าว-ปากทางทับละมุ-เขาหลัก-ปากทางน้ำเค็ม-ตะกั่วป่า-อุทยานแห่งชาติเขาสก รถออกจาก บ.ข.ส. กระบี่ (ตลาดเก่า) เวลา 11.30 น. รถออกจากปากทางอุทยานแห่งชาติเขาสก เวลา 09.00 น.
ข้อมูลจาก PaiDuayKan.com

จะเลือกที่พักนอนแพอย่างไรดี

แพที่เชี่ยวหลานมีให้เลือกเยอะมากครับ ส่วนมากจะคล้ายกันคือเป็นเรือนแพไม้ เก่าบ้างใหม่บ้าง ก็ต้องตามดูรีวิวกันไป แต่ที่ดังๆ คนนิยมไปพัก มีตามนี้เลย
(เราเลือกพักที่แพสายชล เพราะมีห้องว่าง และราคาไม่แพง)

แพสายชล
โทร 077-346013, 081-891-6052
http://saicholsouthernthailand.com

แพนางไพร
โทร 077-095025, 077-299318, 077-395139

แพ 500 ไร่ (ดังมาก ดีมาก ตามราคาที่ต้องจ่ายมากเช่นกัน T-T)
โทร 077-953013, 095-4100011, 095-4100022, 095-4100033
http://www.500rai.com

แพภูตะวัน
โทร 081-606-9007
http://www.ratchaprapadam.com

แพไพรวัลย์
โทร 080-6924-247

เฮ้ย! ไปแน่นอน แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร?

โอเคๆ อันนี้ เหมือนไปเที่ยวสถานที่ทั่วไปเลยครับ 2 วัน 1 คืน แต่สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มพิเศษหน่อย คงมีดังนี้

  • หมวกและแว่นตากันแดด ตอนที่นั่งเรือเล่น
  • ผ้าขาวหน้า หรือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ๆ หรือผ้าเช็ดตัว เพราะตอนนั่งเรือน้ำจะกระเด็นครับ
  • ชุดสำหรับเล่นน้ำ สัก 1 ชุดก็พอ เล่นแล้วก็ตาก ตื่นมาใส่ชุดเดิมเล่นได้ใหม่ เพราะเป็นน้ำจืดใสๆ ไม่เหม็น ไม่ติดขี้เกลือ ไม่เหนียว เหมือนทะเล
  • กล้องถ่ายรูป ดีๆสักตัว ถ้ากันน้ำได้ก็จะยิ่งดีมาก ถ้ากันไม่ได้ก็หาซองกันน้ำใส่ซะนะ
  • สุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ เพื่อนร่วมทาง ยิ่งมาก ยิ่งมันส์ (ถ้าไปคนเดียว ผมคิดว่ามันจะเหงาๆ เปลี่ยวๆมากครับ สำหรับที่นั่น)
  • ยาทากันยุง กลางคืนตอนกินข้าว มีนิดหน่อย ไม่เยอะมาก

จะใช้กล้องอะไรถ่ายรูป?

ไหนๆ Samsung ก็ให้ Samsung NX500 มาลองใช้แล้ว ต้องขออวยกันหน่อย เอาแบบจริงใจเลยนะ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ชอบการ snapshot ง่ายๆ ไปจนถึงปรับแต่งได้เยอะๆ เหมือน DSLR ทั่วไป พร้อมกับอัพโหลดภาพแชร์ได้ทันที ผมว่ากล้องตัวนี้ เหมาะมากครับ ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ

  • เลนส์ที่ให้มาเป็นมุมกว้าง (16-50mm) นักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายภาพวิวแบบผมจะชอบมาก
  • ชัตเตอร์เร็วดี อันนี้เห็นได้ชัดตอนอยู่บนเรือวิ่งเร็วๆ แล้วพยายามกดถ่ายเพื่อนบ้าง วิวข้างทางบ้าง จับได้นิ่งทุกรูป
  • กดถ่ายยิงรัวๆๆๆ ได้เลย (9 ภาพติดกัน) อันนี้ก็เห็นได้ชัดตอนให้เพื่อนถ่ายพวกผมกระโดดเล่นน้ำ ฮ่าๆๆ
  • เซนเซอร์ใหญ่มว๊ากกก ระดับ 28ล้านพิกเซล เอาไปพิมพ์แปะฝาบ้าน ทำบิลบอร์ดได้เลยครับ
  • ถ่ายในที่แสดงน้อยๆ ก็ยังโอเคอยู่ ภาพไม่แตก
  • เบาดี ห้อยแล้วไม่เมื่อยคอ (มันเป็นไปตามสังขาร ฮ่าาๆๆ)
  • อัดคลิปวีดิโอได้แบบละเอียดมากๆ คือแบบ 4K (ภาพมันจะใหญ่กว่า Full HD 2 เท่ากว่าๆ มันเลยทำให้เก็บรายละเอียดได้มากกว่า)

ซึ่งเอาแค่ที่ผมสรุปมาข้างต้น ไม่ต้องดูรายละเอียดอื่นๆ มันเหมาะกับเขาสกและไปเที่ยวทุกๆที่เลยทีเดียว

จะมีข้อเสียอย่างเดียวคือไม่กันน้ำ เลยต้องคอยใส่ถุงกันน้ำตลอดเวลา กลัวกล้องเขาพัง ฮือๆ T-T

ถ่ายในที่มืดโอเคเลยนะครับ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องโอเคเลยนะ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


ถือด้วยมือถ่ายในที่แสงรำไรๆ ด้วย ISO-200 ภาพไม่สั่น (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

รูปนี้ก็ถือถ่ายตอนประมาณ ตี5  ด้วย ISO-200 (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

และนี่คือ เรื่องเล่า 2 วัน 1 คืน ที่เชี่ยวหลานของเรา

หูยยย บอกได้เลยครับ ไม่ต้องห่วงกลัวว่าจะว่าง แค่ถ่ายรูปก็เหนื่อยแล้ว และทางแพเขาได้จัดกิจกรรมให้เราไว้ด้วย บอกเลยว่า “ผมเหนื่อยว่ะ”

เราเดินทางมาถึงเขื่อนเชี่ยวหลานกันตอนเช้าตรู่ เวลานั้นเราโชคดีมากๆ เพราะฝนเพิ่งตกไป ทำให้ได้เห็นหมอกปกคลุมถนนบนสันเขื่อน เหมือนมันมีทางไปไม่รู้จบ คลาสสิกมาก การเที่ยวบนสันเขื่อนและถ่ายรูปที่หน้าป้าย ผมคิดว่าเป็นจุดที่พลาดไม่ได้เลย นอกจากวิวตรงนี้จะสวยมากแล้ว ยังมีประวัติให้เราได้อ่านที่มาที่ไปของเขื่อนด้วยครับ


เหมือนถนนสายนี้ไม่มีที่สิ้นสุด (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


มาทั้งที ต้องถ่ายกับป้ายเป็นที่ระลึกหน่อย (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


ที่ป้ายเขื่อนเชี่ยวหลาน จะมีรายละเอียดและประวัติของเขื่อน รวมไปถึงพระราชดำรัสของในหลวงที่ตรัสถึงการสร้างเขื่อน แนะนำให้อ่านครับๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


ทางเดินไปที่ป้ายเขื่อนเชี่ยวหลาน ร่มรื่นมากๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


วิว ณ จุดสันเขื่อน (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


บรรยากาศริมถนนบนสันเขื่อน พลาดไม่ได้เลยทีเดียว (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

เรานัดเจอกับคนขับเรือและเจ้าของแพตอนประมาณ 8:30 เพื่อชำระค่าบริการทั้งหมด ซึ่งข้อดีของการเข้าไปเขื่อนแต่เช้าคือ เราจะได้ล่องเรือถ่ายรูปทั่วๆเขื่อนก่อนหนึ่งรอบ ซึ่งถ้าถ่ายไม่สวยอยากได้รูปเพิ่มเติม อย่างน้อยก็มีเช้าอีกวันที่จะถ่ายแก้ตัวได้นะเออ

วิวสองข้างทางของเขื่อนเชี่ยวหลาน สวยสมคำร่ำลือมาก ใครๆก็บอกว่ากุ้ยหลินเมืองจีน แต่สำหรับผมและเพื่อนๆที่ไม่เคยไปกุ้ยหลิน เรามองว่าเหมือนกระบี่มากกว่า เพียงแค่ภูเขาสลับซับซ้อนและอลังการกว่ามากๆ ไม่ต้องนั่งเรือโต้คลื่นโคลงเคลงชวนให้คลื่นเหียนอาเจียนอีกด้วย ผมว่านี่แหละข้อดีของการเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานเลยนะ


เรือที่มาจอดรอนักท่องเที่ยว เพื่อพาเข้าไปแพที่พัก (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


บรรยากาศเหมือนล่องเรือเข้าไปในดินแดนลี้ลับ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


ท่าเรือที่ปากเขื่อนเชี่ยวหลานยามเช้า (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


พี่เป็นหนุ่ม ลุ่มเจ้าพระยา ล่องเรือไปขายค้า เดินทางมาหลายร้อยกิโล (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


น้ำกระเด็น แดดจะออก แต่อากาศเย็นสบาย สู้ว่ะ ฮ่าๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


วิวแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้พบเจอ คือเขาพุ่งออกมาจากน้ำ พร้อมไอหมอก (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เขาสามเกลอ สัญลักษณ์ของที่เขื่อนเชี่ยวหลาน (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เขื่อนเชี่ยวหลาน ไม่เคยเงียบเหงา มีผู้เดินทางเข้ามาเที่ยวตลอดทั้งวัน (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เป็นเช้าที่แจมใส (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


แสงแดดยามเช้า (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

หลังจากล่องเรือเสร็จ กลับที่พักทานข้าวเที่ยง เราก็เตรียมตัวไปล่องแพไม้ไผ่ต่อ เพื่อไปดูถ้ำปะการัง แต่ก่อนจะไปถึง ต้องนั่งเรือไปอีกนิดหนึ่ง ซึ่งแพสายชลที่เราพัก อยู่ใกล้ๆกับจุดต่อเรือพอดี เลยนั่งไปแค่ 10 นาที แต่ช้าก่อนสหาย เรายังต้องเดินป่าเข้าไปอีก 1.5 กิโลฯ ถึงจะเจอที่จอดแพไม้ไผ่ครับ

ผมถึงบางอ้อตอนที่ดูจากแผนที่ เพราะจุดที่ตั้งของถ้ำปะการัง อยู่ภายในแอ่งน้ำอีกแห่งที่เรียกว่า 500 ไร่ (คนละที่กับที่ตั้งของแพ 500 ไร่นะ) ที่ไม่เชื่อมต่อกับเขื่อน เลยทำให้เราต้องเดินข้ามแผ่นดินเข้าไปอีกหน่อย (คำว่าหน่อยคือ ไปกลับ 3 กิโลฯ T-T)

การนั่งแพไม้ไผ่ ผมคิดถึงแพไม้ไผ่ที่แม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี คือนั่งกับพื้นไม้ไผ่ แล้วตูดเราก็ปาดกับน้ำไปเรื่อยๆ เปียกชุ่มเย็นสบาย แต่แพไม้ไผ่ที่นี่ค่อนข้างดีครับ มีที่นั่งให้ด้วย เอาขาจุ่มน้ำเย็นๆ สนุกๆได้เลย


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)

 

พอมาถึงที่ถ้ำปะการัง เป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ภายในเต็มไปด้วยปะการัง และหินที่คล้ายกับปะการัง หินงอกหินย้อยในนั้นสวยมากครับ และยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ห้ามไปจับเด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นมันจะหยุดการเติบโตไม่งอกอีกต่อไป

ซึ่งการเที่ยวถ้ำจะมีคนล่องแพนั่นแหละเป็นไกด์อธิบายให้เราฟัง ว่าตรงไหนเรียกว่าอะไร พร้อมกับส่องไฟนำทางให้เราด้วย (แต่เขาก็มีไฟคาดหัวให้พวกเราสองสามอัน เพื่อไว้ช่วยกันส่อง)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)

 

หลังจากจบถ้ำปะการังและกลับมาแพที่พัก ประมาณ 16:00 คราวนี้ก็เป็นเวลาว่างๆ ที่พวกเราจะเล่นน้ำ พายเรือคายัคได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะกินมื้อเย็นอีกทีตอน 18:30

ใครไปแล้ว ต้องกระโดดน้ำให้ได้นะครับ แม้น้ำจะลึกมาก แต่ก็ใส ไม่น่ากลัว ถ้าใครว่ายน้ำไม่เป็นก็ใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับ กันพลาด


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


ภาพไม่สวย โดดใหม่ ฮ่าๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


โดดกันเข้าไป (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เหนื่อยอ่ะ โดดเป็นสิบๆรอบ แต่โครตมันส์เลย (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


เย็นๆ แดดร่มลมตก ทุกคนก็พร้อมใจกันว่ายน้ำบ้าง พายเรือบ้าง (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

 

มื้อเย็นคืนนั้น คลาสสิกมากครับ มีก๊วนครูจากโรงเรียนแห่งหนึ่งยกคาราโอเกะมาตั้งร้องเพลงลูกทุ่งและลูกกรุง กันแบบ non-stop ตลอด 5 ชม ทำให้พวกเรามีเรื่องเม้าส์มอยกันทั้งคืน (หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า นินทา นั่นเอง ฮ่าๆ)


(ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)

 

เช้าวันที่สอง เรือนัดเราไว้ตอน 6:30น. เพื่อไปล่องชมวิวเขื่อนอีกรอบ ณ จุดนี้แนะนำให้รีบตื่นสักตีห้ากว่าๆ ไม่ใช่ว่าจะตกเรือนะครับ แต่เพื่อให้ดูแสงเช้า ซึ่งถ้าโชคดี จะเจอหมอกลอยเอื่อยๆ เหนือผิวน้ำ จำได้ว่าครั้งแรกที่ผมไป ผมมีโอกาสได้เจอแบบนั้น แต่ครั้งนี้เสียดายที่ไม่เจอ

เรือจะพาเราเที่ยวอีกรอบซึ่งจริงๆแล้วจะต้องไปเขาสามเกลอ แต่ด้วยวันแรกพวกผมไปมาแล้ว จึงพาวนดูวิวไม่ไกลจากแพนัก ได้บรรยากาศแบบป่าริมน้ำ มีเกาะเล็กๆ ท่อนไม้จมน้ำหน่อยๆ ให้พอฟรุ้งฟริ้ง

 


นักท่องเที่ยวทะยอยออกล่องเรือชมวิวยามเช้า (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


หน้าเพิ่งจะตื่นกัน ฮ่าๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

หมอก แม้เราไม่ได้สัมผัส แต่ก็รู้สึกถึงความสดชื่น (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


มุมมหาชนเลยไหมล่ะ หัวเรือและวิว อิอิ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เย็นสบาย และชิลมากๆ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


บรรยากาศน่านอนเล่นบนเรือสักสองสามชั่วโมง (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


เรือจอดรอพานักท่องเที่ยวกลับไปที่ปากเขื่อน (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


การมาเขาสกครั้งแรกของเธอ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

ล่องเรือเสร็จ พวกผมก็พลาดไม่ได้ที่จะกระโดดน้ำกันอีกสักรอบก่อนจะจากลา

 


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)


(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)

เรือจะพาเราออกมาประมาณ 9:00 และถึงท่าเรือหน้าเขื่อนประมาณ 10:00 เป็นเวลากำลังดี ที่สามารถไปหาข้าวเที่ยงกินในเมืองต่อได้ ส่วนใครจองเครื่องบินไว้รอบบ่ายโมงก็กลับทันแน่นอนครับ


ลองถ่าย Panorama ขณะอยู่บนเรือเร็ว ผิดเพี้ยนเล็กน้อยตรงมุมขวา แต่ถือว่าใช้ได้เลยครับ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)


Takes one to know one (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)

เป็นการเที่ยวเขาสกสองวันที่เต็มอิ่มมากๆ กิจกรรมแน่นจนเรียกได้ว่าต้องอุทาน “Slow Life ของฉันหายไปไหน” แต่เอาเถอะครับ นี่แหละคือวิถีชิคๆ คูลๆ แบบนักท่องเที่ยวในคราบมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา

ขอบคุณสำหรับการติดตาม หากใครได้แรงบันดาลใจและวิธีการเดินทางไปจากบล็อกนี้ หรือมีข้อติชม สงสัย มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลยนะครับ ยินดีมากมาย เพราะเราคือเพื่อนนักเดินทาง

Published by iFew

ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ชื่นชอบหลายเรื่องที่ไม่น่าจะไปกันได้ ทำงานไอที แต่ชอบท่องโลกกว้าง รักประวัติศาสตร์ แต่ก็สนใจเทคโนโลยี ชอบสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และไปป้ายยาคนอื่นต่อ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Exit mobile version