เมื่อวันอาทิตย์ได้ไปลองวิ่ง Ultra Trail 50กมฯ ที่งาน The Columbia Trail Masters XI นับเป็นมาราธอนที่สอง และ Ultra ครั้งแรก ในชีวิต (Ultra คือระยะทางที่เกินมาธอน หรือ 42.195 กิโลฯ)
งานนี้ถูกยุยงส่งเสริมจากใครสักคนในแก๊งวิ่ง จำได้ว่ากำลังไปเทรกอยู่เนปาล จู่ๆ เอ๋ทักมาว่า ทุกคนจะลงระยะ 50 งาน Columbia กัน เอาวะ ถ้าใจถึงไปกัน ผมก็ไปด้วย เน็ตที่เนปาลช้ามาก เลยฝากสมัครแบบไม่ขอรู้รายละเอียดอะไร
นับตั้งแต่นั้นมา ผ่านไป 3 เดือน… ซ้อมมินิฮาร์ฟ แต่ไปอัลตร้า… หนังชีวิตก็บังเกิด…
ก่อนถึงวันแข่ง 1 อาทิตย์ ใช้สกิลจากการเดินป่า กำลังกายจากบุญเก่า กำลังใจจาก Youtube และผองเพื่อน ไปโหลด Excel ตารางเวลาเพื่อทำแผนการวิ่ง หยอดเวลาที่จะวิ่งในแต่ละกิโลเมตรลงไป ทางราบและทางลงจะวิ่ง ทางขึ้นจะเดิน Cut off แรก ที่ 33กม แพลนว่าจะถึง 12:51 เฮ้ย ถึงก่อนที่กำหนด 13:45 Cut off สอง ที่ 39กม แพลนว่าจะถึง 14:21 เฮ้ย นี่ก็ทัน ก่อนกำหนด 15:30 เดินชิลๆสักหน่อย อีก 11 กม เฮ้ย เข้าตอน 16:01 รวมทั้งหมด 9:31ชม ก็จบแล้ว (งานนี้ต้องจบที่ 17:30 หรือใช้เวลา 11ชม) ค่อยมั่นใจขึ้นมาหน่อย..
เวลาที่เหลือไม่กี่วัน วิ่งเล่นๆ ไป 8กม.. เตรียมเจล กล้วยตาก ซีเรียล ยูโร่คัสตาด แดก แดก แดก ตุนทุกวัน (เป็นโมเม้นที่ดีที่สุด ทั้งก่อนและหลังวิ่ง)
ก่อนวันวิ่ง ไม่กินเนื้อไม่กินผักจ้า กินนม กินข้าว กินปลา กลัวท้องไส้ปั่นป่วน ขึ้นเตียงตั้งแต่ 1ทุ่ม ตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย กังวลใจแหละนะ เอ๋มารับตอนตี 2 ไปต่อรถที่บ้านพี่ยิ่ง ถึงสนามตอนตีห้า เข้าห้องน้ำเสร็จสรรพก็ไปฟังบรีฟรายละเอียดสนามพอดี
ระยะ 50กม ปล่อยตัวตามเวลา 06:30น วิ่งไปได้ 5กมแรก เจอเนินขึ้นเรื่อยๆก็เริ่มเดิน ประหยัดแรง ถึงจุดให้น้ำ1ยังสบาย กม5-10 หนังชีวิตมาแล้วครับ โคลนดูดวิญญาณ ขาขึ้นที่แพลนว่าจะเดินชิลๆ ขาลงจะวิ่ง ทำไม่ได้เลย! เดินขึ้นก็ไหลลง เดินลงก็ไหลลื่น ติดทั้งคนข้างหน้าข้างหลัง พอหลุดมาและตั้งตัวได้ก็เริ่มวิ่งสไลด์ลง จบ 10กม แรก เกินแพลนไปประมาณ 30 นาที แต่เอาวะ ยังมีเวลา โด๊ปเจลไปซองนึง (ก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย)
ช่วง กม10-11 ระหว่างวิ่งสไลด์ลง จู่ๆเจ็บเส้นเอ็นข้อเท้าซ้าย แบบจี๊ดขึ้นมาเลย ไม่รู้เป็นที่เส้นเอ็นหรืออาการตะคริว เพราะไม่เคยเป็น ยืนแล้วเจ็บ หมดแรง ตอนนั้นผุดความคิดมาเลยว่าจะเดินย้อนไป DNF ที่ กม10 หรือทนลองไปต่อที่ กม17 ลงไปนั่ง ค่อยๆฉีดยาแก้ตะคริว+ยาชา (ผมพกสองกระป๋องเลย) ควานหากิ่งไม้มาเดินค้ำไป เดินกระเผกๆ ไปสักกิโลนึง ก็เริ่มวิ่งสลับได้ แต่ต้องลงปลายท้าย ใช้ส้นรับน้ำหนักไม่ได้เพราะจะเจ็บ โชคดี อาการเริ่มดีขึ้น ไล่กวดกลุ่มที่เกาะๆกันไปตอนแรกได้ทัน
ลุยโคลนมาจนถึงจุดให้น้ำ2 ระยะ กม17 เริ่มหิว กินกล้วยตากกับยูโร่คัสตาด แล้วรีบต่อไป กม21 ช่วงนี้ดีหน่อย ทางไม่ค่อยโคลน เลยวิ่งลงได้ทำเวลาชดเชยจากที่เจ็บเท้า ถึงช้ากว่าแพลนไปประมาณ 30 นาทีเท่าเดิม
ช่วง กม21-30 เป็นทุ่งหญ้าโล่ง สวย หาดูได้ตามรูปและคลิปวีดิโอของงานได้เลย ทางก็แฉะเหมือนเดิม ดีหน่อยตรงมีหญ้าคลุม ทำให้ไม่ลื่นนัก
กม30-33 นี่แหละครับ เร้าใจที่สุด เพราะจะเป็นคัทออฟแรก ตอนถึงจุดให้น้ำ6 กม30.5 ประมาณ 13:00น!! อีก 3กม ผมมีเวลา 45 นาที เท่านั้น!! (ต้องไปให้ถึงก่อน 13:45) ตอนนั้นทุกคนเริ่มคุยกันและคำนวณเวลา ไม่เสียเวลาตรงนั้นนาน ก็เริ่มออกตัว วิ่งๆเดินๆ จนน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอด เข้า Cut off1 ตอน 13:35 เฉียดฉิวมากๆ ผิดจากแพลนไป 44 นาที (แพลนจะเข้าตอน 12:51น)
หลุดรอดมาได้ ก็เดินชิลๆก็ระยะหนึ่ง จนมาเริ่มคิดเวลากันใหม่เพื่อพิชิต Cut off2 ซึ่งช่วง Cut off2 ก็เร้าใจไม่แพ้กัน เพราะระยะแค่ 9กม ต้องผ่านเขาสูงอีกลูกใหญ่ แต่มีเวลาแค่ 1:45ชม เท่านั้น! (ต้องไปให้ถึงก่อน 15:30)
กม33-35 ช่วงนี้เข้าโหมดเดินกันตลอด เป็นช่วงที่วิ่งบนสันเขา วิวสวย อลังการ แต่ก็ชันโครตผสมกับทางโคลน เป็นจุดที่ผมกับกลุ่มที่เดินงงมาก เพราะดูตามกราฟและระยะทางกับที่เจอจริงๆ มันไม่สอดคล้องเท่าไร ช่วงนั้นนาฬิกาผมรวนๆ เลยต้องดูเวลาในกระดาษกับเวลาที่จะถึงเท่านั้น
กม35-39.5 เวลาวัดใจอีกแล้วครับ อย่างที่บอก ในกราฟทีมงาน มีแต่ขาลง เราก็ชะล่าใจ แล้วก็ต้องไปวิ่งช่วงท้ายๆ อีกเช่นเดิม สรุป เข้า cut off ตอน 15:20น เฉียดฉิวอีกแล้วครับ ผิดจากแพลนไป 59 นาที (แพลนจะเข้าตอน 14:21น)
กม30.5-45 เหลือ 10.5กม กับเวลาอีกแค่ 2ชม (ซึ่งถ้าทางราบ จะบอกเลยว่าชิลมาก) ช่วงนั้นเดินเกือบ 90% หมดแรง เริ่มหน้ามืด เจลไม่ช่วยอะไร เพราะหิวข้าวมากกว่า (ตอนนั้นกินแต่กล้วยตาก เกลือแร่ เจล ลืมกินซีเรียล!) เดินไปคุยกับกลุ่ม Survival ไป (ที่อยู่กันมาดั้งเดิม หน้าเดิมๆ ฮ่าๆ) คำนวณเวลากันอย่างเดียวว่าถ้าเดินความเร็วแบบนี้จะจบทันไหม ตอนนี้ระยะปลายทางคือระยะที่เริ่มไม่ชัดเจน ว่าจะ 49กม กว่าๆ หรือ 50กม แต่ถ้าแย่เลยคือเกิน 50กม เท่าไรไม่รู้ อันนี้อาจไม่ทัน ผมคิดคร่าวๆว่าถ้าเชื่อตามป้ายและ 50เป๊ะๆ น่าจะเข้าปริ่มๆ เมื่อเราเดินที่ pace 11 หรือ 5.5กม ต่อชั่วโมง
ทางช่วงนี้ไม่มีโคลน แต่เป็นเนินลูกระนาด เริ่มเพลียกันหมด เห็นคนพยายามวิ่ง แต่ได้ไม่เกิน 50 เมตร ก็หยุดเดิน
กม45-50 โชคดีหน่อยเป็นทางราบล้วนๆ และมีป้ายบอกระยะทุกกิโลเมตร (ก่อนหน้าบอกทุกๆ 5กิโลฯ คำนวณยาก) พวกเราเริ่มเดินจ้ำเร็วขึ้น บ้างวิ่ง เมื่อระยะทางเริ่มนับถอยหลัง และผลการคำนวณมันเริ่มชัดเจน เราให้กำลังใจกันว่า “สิ่งที่ทำมาทั้งหมดตลอด 10 ชั่วโมง จะต้องไม่สูญเปล่า”
กม49 เหลืออีกแค่ 1กิโลเมตรสุดท้าย กับเวลาอีกที่ 10นาที ก่อนจะถึง 17:30น.
ผมเดินเลี้ยวมาเจอแท๊งค์น้ำ เริ่มมีคนมาดักเชียร์ให้กำลังใจ มีคนตะโกนบอกว่า เหลืออีก 3 นาที อีก 300เมตรๆ จะเข้าเส้นชัยแล้ว มีเท่าไรใส่ให้หมด ตอนนั้น พยายามวิ่งเหยาะๆ สลับเดิน ในใจก็ยังคำนวณอีกว่า “นาทีละ 100เมตร จะทำได้ไหม” “สิ่งที่พยายามมาตลอด 10 ชั่วโมง จะต้องเป็นผล จะต้องไม่สูญเปล่า” “มันใกล้จะจบแล้ว”
ผมเห็นเส้นชัยอีกแค่ 50เมตร พร้อมเสียงตะโกน เหลืออีก 1 นาที
ผมเข้าเส้นชัยตอน 17:29:06น. ใช้เวลาไป 10:57:31ชม ซึ่งทันคัทออฟ 11:00ชม ไปแค่ 2.29นาที แบบเฉียดฉิว และผมผิดไปจากแพลน 1:28ชม
แก๊ง survival หลายคนเดินมาจับมือทักทายแสดงความยินดีด้วย ผมก็ร่วมยินดีไปกับพวกเขา และขอบคุณทุกคนที่อยู่เป็นกำลังใจเป็นเพื่อนเอาตัวรอดด้วยกันมาหลายชั่วโมง
ดีใจ ที่ชนะใจตนเองได้ ดีใจ ที่ได้เป็นหนึ่งใน Finisher 50km Columbia แต่ก็แอบเสียใจ ที่ไม่เป็นไปตามแพลน และก็เข้าใจแล้วว่าสนามวิ่งเทรลมันมีอะไรที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะโคลน ที่ไม่คิดจะเจอหนักหน่วง มันดูดวิญญาณอย่างแรงตลอดทาง ความหิว ที่เตรียมตัวไปไม่ดีนัก มั่นใจตัวเองไม่ยอมกิน ความชะล่าใจ ที่ทำตัวสบายเกินไปจนเกือบไม่ทัน
เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่ได้เรียนรู้สำหรับสนามวิ่งในอนาคต รวมถึงการใช้ชีวิต.