ได้ยินกิตติศัพท์ว่าการไปนั่งสมาธิวัดอัมพวันเป็นอะไรที่เข้มข้น hard core มากกก
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปฝึกนั่งสมาธิที่วัด และจากที่ไปมาสามวันสองคืน ยังโชคดีที่ไม่เจอแบบเต็มหลักสูตร เพราะตรงกับวันพระพอดี ยังมีสลับให้ฟังเทศน์ฟังธรรมแทรกอยู่เนืองๆ
กำลังคิดว่าอนาคตอาจจะไปลองแบบ 7 วันบ้าง ยังไม่มั่นใจตัวเองว่าจะรับได้ไหม แต่ก็คิดว่าลุงๆป้าๆเขาทำกันได้ ทำไมตรูจะทำไม่ได้วะ, แต่ยอมรับว่า ร่างกายต้องปรับตัวอีกเยอะ เพราะต้องนั่งพับเพียบนานๆ คุกเข่านานๆ ยังมีปัญหามาก
ที่นี่ค่อนข้างระเบียบเยอะ เนื่องจากคนมาร่วมฝึกเป็นหลักพันคน (ช่วงผมไปมีแค่ 900 กว่าคน แต่ช่วงอื่นๆเห็นว่าถึงสามพันคนก็มี) และหลวงพ่อเองก็ชื่นชอบข้อระเบียบและวินัยแบบทหาร ดังนั้น มาที่นี่ ต้องมีวินัยเข้มงวดมาก ห้ามคือห้าม ทำคือทำ และต้องตรงเวลาทุกอย่าง
ไม่คิดว่าจะได้เรียนกรรมฐานแบบ สติปัฏฐาน 4 จากที่นี่ เพราะนึกว่าท่านสอนชาวบ้านทั่วไปจะเป็นเรื่องของนั่งแบบ อานาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออก ปรากฏว่า พอเป็น สติปัฏฐาน 4 จึงค่อนข้างไม่ชินกับที่เราเคยฝึกมาเลย ซึ่งที่เราเคยฝึกมันต้องจดจ่อเพื่อได้สมาธิ แต่ที่นี่เน้นเรื่องสติ ฝึกการรับรู้ตามความเป็นจริง จริงๆ ดังนั้นค่อนข้างฟุ้งซ่านอย่างแรง
ที่ฟุ้งซ่านเพราะ กำลังจับอาการปวดขา ก็ต้องไปจับเสียงหมาเห่า แต่ยังไม่ทันได้จับเสียงหมา หมาก็หยุดเห่า ไอ้เราก็ดันคิดเรื่องอื่น ก็ต้องตามไปกำหนดรู้ แล้วดึงกลับมา ก็ดันปวดหลังอีก คือ ไม่ได้จดจ่อแบบที่เคยๆทำเลยทีเดียว วันสุดท้ายเลยกราบถามหลวงพี่ หลวงพี่ก็บอกว่าที่ทำแบบนี้ถูกแล้ว เลยแอบสงสัยว่า แล้วอย่างนี้ฉันจะนิ่งได้หรอเนี่ย โธ่ กรรมเยอะจริงๆ
แต่เอาเถอะ ไปไม่กี่วัน คงไม่ได้อะไรมาก ไว้ถ้าได้ไป 7 วัน น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้น
วันสุดท้ายมีโอกาสได้กราบหลวงพี่อจรัญ ซึ่งเป็นบุคคลไม่กี่ท่าน ที่ผมเจอแล้วเกิดปิติสุขมากๆ ขนลุกน้ำตาซึมเลยทีเดียว แล้วความรู้สึกมันบ่งบอกลึกๆได้ทันทีว่า เหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น
สรุปคือ หากใครมีโอกาสได้ไปก็อยากให้ลองไปดูครับ สัก 3 วันก่อนก็ได้ กำลังดี ติดใจค่อยไปใหม่ แล้วอย่าลืมชวนผมด้วยล่ะ ฮ่าๆ
กฏระเบียบคร่าวๆ ที่แปะไว้ตรงที่สมัครครับ