โดยปกติผมพยายามจะไม่เขียนเรื่องงานหรือเรื่องเครียด ค่อนข้างคิดอยู่นานที่จะระบายมันออกมาดีหรือไม่ แต่ก็ทำ
ใครรู้จักผมดีจะรู้ว่าผมมักไม่ค่อยอยู่เฉย จะคิดหรือทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา
ถ้างานหมายถึงสิ่งที่ทำแล้วได้เงิน คงต้องเริ่มนับตั้งแต่มัธยมต้นที่ผมเริ่มหัดทำเว็บไซต์ง่ายๆ หาเงิน จนจับมาเป็นความชอบ ใช้ไปแข่งขันต่างๆในสมัยเรียน เลือกที่จะเรียนสาขาต่อในมหาลัยฯ และแม้ยังไม่ทันจบ ผมก็ได้งานโปรแกรมเมอร์ จนมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งก็นับว่าเป้าหมายผมมันก็มาทางนี้ตั้งแต่แรกเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ผมก็ยังสนุกกับการเขียนเว็บไซต์ ยังสนุกกับการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตามที่ล่าสุดผมเพิ่งทำเว็บใหม่เสร็จไปคือ
twitjj.comทุกอย่างดูเหมือนผมไม่มีปัญหาอะไร แล้วผมจะมาบ่นทำไม? ใช่ นั่นมันชีวิตส่วนตัวผมที่ผมไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พ.ศ.2539 เป็นอย่างไร พ.ศ.2554 ผมก็ยังเป็นอย่างนั้น (ดูแก๊แก่เนอะ)
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกเปลี่ยนไป คือ ความรู้สึกในชีวิตการทำงานของผม
ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่มีปัญหาอะไรกับงานที่ทำ หรือผู้ร่วมงาน หรือองค์กร หรืออื่นใด ผมชอบและรักสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้
แต่ถ้าเทียบสมัยที่ผมสละชีวิตเรียนมาเริ่มทำงาน จนถึงทุกวันนี้ ความสนุกที่ผมเคยรู้สึกมันหายไป มันหายไปแบบที่ผมไม่รู้ตัว รู้สึกอีกที ผมเหมือนตอนเป็นเด็กที่ไม่อยากไปเรียน ทุกเช้าตื่นมาพร้อมข้ออ้างสารพัดในหัว ฉันปวดหัว ไม่สบาย ขี้ไม่ออก น้ำไม่ไหล ไฟดับ หงุดหงิด สารพัดเรื่องที่บิ๊วให้ตัวเองจมอยู่บนเตียงไปนานๆ
มันน่าแปลกใจว่าความรู้สึกแบบนั้นกลับมาหาผมได้อย่างไรในเมื่อผมทำงานที่ผมรักอยู่?
บางทีผมก็ตอบตัวเองไปตรงๆว่าผมมันเป็นคนขี้เกียจ ถึงได้คิดแบบนี้!
แต่นั่นคงไม่ใช่สาเหตุ เพราะถึงแม้ผมจะไม่ทำงาน แต่ผมก็ต้องทำอย่างอื่นอยู่ดี
ผมเริ่มนึกย้อนจากปัจจุบันกลับไปอีก 1-2 ปีมานี้ เชื่อมโยงเรื่องต่างๆนานาเข้าด้วยกันเป็นข้อๆ
– ผมเห็นเพื่อนผมหลายคนเริ่มลาออกจากงานไปเรียนต่อ
– เพื่อนบางคนกลับไปทำงานแถวบ้าน หรือไปช่วยงานที่บ้าน
– ผมเห็นคนลาออกจากที่ๆผมอยู่ ได้เงินเดือนเยอะขึ้น งานสบายกว่าเดิม
– ผมเห็นหลายคนออกจากงานประจำไปทำงานส่วนตัวที่ชื่นชอบ บางคนรายได้ดีกว่าเดิมอีกต่างหาก
– งานประจำทำเครียดมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
– ผมชอบท่องเที่ยวมากขึ้น
– ผมเห็นใครหลายคนไปเที่ยวบ่อยโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเขาลางานอะไรกันไปได้อย่างไร
– พักหลังเสพข้อมูลวิธีบริหารธุรกิจส่วนตัวมากอย่างไม่รู้ตัว
– พักหลังได้คุยกับเพื่อนเจ้าของธุรกิจมากขึ้นโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
– มันยังไม่มีความคิดว่าอยากเปลี่ยนงาน
จากหลายๆข้อที่ผมรวบรวมความคิดมา กอปรกับผมอ่านหนังสือ “การลาออกครั้งสุดท้าย” ของ ภาณุมาศ ทองธนากุล ดูเหมือนผมจะพบคำตอบคำหนึ่งนั่นคือ “อิสรภาพ”
ถ้าเป็นประโยคเต็มๆ คือ “ผมต้องการเป็นอิสรภาพจากสิ่งที่เป็นอยู่”
มันค่อนข้างเหมือนในหนังสือที่ผมอ่าน ผมเริ่มเรียงเรียงความต้องการส่วนตัวเป็นข้อๆ
– ผมอยากอยู่กับบ้าน ตื่นสาย นอนดึก
– ผมอยากเที่ยวไปหาประสบการณ์ตามที่ต่างๆ
– ผมอยากมีเวลานั่งเสพ นั่งหาข้อมูลต่างๆที่ผมชอบไปเรื่อยๆ
– ผมอยากไปดูหนัง ฟังเพลง หาอะไรกิน ไปเรื่อยๆ เมื่อผมขี้เกียจ
– ผมอยากออกไปช่วยเหลือสังคมอะไรบางอย่าง
– ผมอยากมีเวลาทำเว็บที่ผมชอบ อยากทำโครงการต่างๆที่ผมเคยวาดฝันไว้ให้เสร็จ
– ผมอยากเป็นพ่อค้า อยากลองทำมาค้าขาย
– อยากมีเวลานั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ อยู่กับตัวเองในเวลาที่ต้องการ
แต่ทั้งนี้ผมก็ต้องมีเงินนิ่งๆ เพื่อใช้จ่ายค่าต่างๆ ถ้าผมยังคงอยู่กรุงเทพฯต่อไป และถ้าเขียนต่อมันจะกลายเป็นบล็อกหัวข้อ How To make money for freedom ของผมไปเสียอย่างนั้น
ณ ตอนนี้ความคิดของผมยังคงตีกัน แต่น้อยลงกว่าเดิมก่อนผมจะเริ่มเรียบเรียงความคิด และผมก็พอมีหนทางอยู่ในใจ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดถูกหรือไม่ผมไม่รู้
มันใช่โอกาสแล้วหรือไม่ผมก็ไม่รู้
ผมพร้อมแล้วหรือยังผมก็ยังตอบได้ไม่เคลียร์
มันเป็นประเด็นที่ยังวกวนไปมา
เคยมีพี่คนหนึ่งทักว่า ชีวิตผมจะรุ่งมากหลังวันเกิดปี 2554 และมันก็เลยวันเกิดผมมาได้สองเดือนแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้ต่อคือ รุ่งในเส้นทางเดิมๆแบบที่ผมกำลังทำ หรือเส้นทางใหม่ที่ผมจะมีอิสรภาพกันแน่?!
ดูเพ้อฝันดี แต่ช่างมัน รุ่งแบบไหนก็ช่าง รู้แต่ฉันอยากมีชีวิตอิสระ
พอกลับมาสู่ความเป็นจริง ณ ตอนนี้
พรุ่งนี้วันจันทร์ ฉันต้องทำงานอีกแล้ว เฮ่อ..
ราตรีสวัสดิ์ครับ
—
posted on 10 Jul 2011 23:56 by ifew
http://ifew.exteen.com/20110710/entry