ถามตอบเรื่อง Wearable Device เกี่ยวกับสุภาพ

ช่วงนี้กระแส Wearable Device มาแรงมาก ผมก็ไม่รู้จะแปลเป็นไทยว่าอย่างไร แต่มันคืออุปกรณ์ที่สวมใส่ร่างกายต่างๆนานา เช่น นาฬิกา แว่นตา ริชแบรนด์ แล้วมันสามารถรับมือถือได้ จับการเคลื่อนไหว จับการเต้นของหัวใจ บลาๆๆ ก็ตามแต่ละยี่ห้อจะทำออกมา ผมเองก็ตามกระแสไปด้วย ช่วงเมษายนที่ผ่านมา ไปถอย Jawbone UP24 ตอนนั้นมันเพิ่งออกมาใหม่ๆ หายากพอสมควร เดินไปไหนก็เจอแต่ Jawbone UP รุ่นเก่า สุดท้ายไปได้ที่ .life สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล (จริงๆ หาไม่ยากหรอก แต่ที่ต้องถ่อไปที่นั่นเพราะจะเอาของแถม ฮ่าๆ) เห็นเพื่อนหลายคนเห็นผมใส่ ก็ถามคำถามคล้ายกัน เลยขอสรุปไว้ที่นี่ ถ้าอยากได้รีวิวละเอียดลองค้นหาใน Google ดู มีหลายคนเขียนไว้แล้วหละ

ใช้ทำไม?

จริงๆ ต้องการใช้พวก Wearable Device เพื่อจับการเต้นของหัวใจ จะได้รู้ว่าวันหนึ่งตัวเองใช้พลังงานกี่แคลลอรี่ (จะลดน้ำหนักว่างั้นเถอะ) แล้วการเต้นหัวใจมีติดขัดหรือมีปัญหาอะไรไหม ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่าพวก Wearable Device ประเภทตรวจวัดสุขภาพ (Healthy Tracker) มันแยกเป็นสองแบบ คือ จับการเต้นของหัวใจ (HR) กับ จับการเคลื่อนไหว (Precision Motion Sensor)

แล้วอะไรดีกว่ากัน ระหว่าง จับการเต้นของหัวใจ (HR) กับ จับการเคลื่อนไหว (Precision Motion Sensor)

บอกตามตรง พยายามหาข้อมูลเหมือนกันครับว่าอะไรดีกว่ากัน แต่สังเกตุได้ว่าอุปกรณ์ติดตามสุขภาพรุ่นใหม่ๆ จะใช้ จับการเคลื่อนไหว รวมไปถึงผมเจอข้อมูลว่า Nasa เองก็ใช้เทคนิคนี้ดูสุขภาพของนักบินอวกาศ ด้วย ก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่านะ แล้วถามว่าโกงได้ไหม ก็โกงได้บ้างนะ เขย่าๆๆ มันก็คิดว่าเราเคลื่อนไหวจริง แต่ผมก็ไปค้นดูอีกว่ามันฉลาดกว่านั้น ตรงที่มันจับรูปแบบการเคลื่อนไหว (Pattern) แล้วไปคำนวณต่อ

ทำไมใช้ Jawbone UP24

ตอนที่ซื้อ(เมษายน2014) มี Wearable Device ไม่กี่ยี่ห้อที่เข้ามาขายในไทย แล้วตอนนั้นเห็นเพื่อนใช้ครับ เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจนรู้ว่ามันทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น จับการนอนหลับ หลับลึก หลับไม่สนิท จับการเคลื่อนไหว ออกกำลังไปแล้วกี่แคลลอรี่ ต้องเดินกี่ก้าว ต้องนอนกี่ชั่วโมง เตือนถึงเวลานอน เตือนการนั่งนานไปต้องลุกเดินบ้าง เตือนว่าเมื่อวานเดินน้อยไปวันนี้ชดเชยด้วยนะ คำนวณแคลลอรี่อาหารที่กิน สารอาหารอะไรมากอะไรน้อยเกินไป ฯลฯ แต่ถามว่ายี่ห้ออื่นทำได้ไหม ก็ทำได้เช่นกันครับ แต่หาซื้อไม่ได้ เช่น Nike, Fitbit, Garmin, Basis ซึ่งทั้งหมดนี้ความสามารถคล้ายกันหมด (ต่างกันเล็กน้อย) รูปแบบ แล้วก็ราคา

Jawbone UP กับ Jawbone UP24 ต่างกันอย่างไร

ถ้าเริ่มสนใจแล้วไปหาข้อมูลดูจะเจอ 2 รุ่น Jawbone Up ราคาประมาณ 4,500 บาท กับ Jawbone Up24 ราคา 6,250 บาท ซึ่ง UP24 เป็นรุ่นล่าสุดที่เพิ่งออกเมื่อเมษายน 2014 ซึ่งจุดหลักที่ต่างกันคือ UP24 จะส่งข้อมูลเข้ามือถือด้วย Bluetooth (BLE) แต่สำหรับ UP คุณจะต้องเอามันไปเสียบเข้ากับแจ็คหูฟังของมือถือ (3.5mm headphone port) เพื่อดึงข้อมูลออกไป แต่ด้วยความต่างข้อนี้ทำให้ UP24 มันส่งข้อมูลตลอดเวลา ทำให้มันแจ้งเตือนคุณได้ตลอดทั้งวันตามที่ผมกล่าวข้างต้น สรุปผลให้คุณเห้นได้ทันทีที่ต้องการ นั่นทำให้ UP24 มีลูกเล่นที่ดีกว่า UP (ลองดูการเปรียบเทียบ Jawbone UP และ Jawbone UP24)

มันใส่ที่ข้อมือ แล้วมันจับการกินอาหารของเราได้อย่างไร

บอกตามตรงว่าคงไม่มีเครื่องมืดใดจับการกินอาหารของเราได้ ทุกยี่ห้อเลยครับ ซึ่งเราจะต้องกรอกข้อมูลเอง ว่ากินอะไรเข้าไปเท่าไร โดยในโปรแกรมมันจะมีรายการอาหารให้เราเลือกหรือค้นหา ซึ่งคุณจะได้ฝึกภาษาอังกฤษทุกมื้อลเยครับ ว่าอาหารแต่ละอย่าง ภาษาอังกฤษคืออะไร บางอย่างมีตรงๆ อย่างก๋วยเตี๋ยว จะใช้คำว่า “Thai Style Noodle” หรือ ผัดไท ก็จะมี “Pad Thai”, แต่บางอย่างก็ต้องเทียบเคียงดู เช่น ข้าวมันไก่ ผมจะใช้คำว่า “Hainanese Chicken Rice” (แปลตรงๆ ก็ ข้าวไก่ไห่หนาน) ตรงนี้ต้องอาศัยการค้นหาใน Google ว่ามันคืออะไร ถ้าหน้าตาเหมือนกัน แล้วดูแคลลอรี่มีความเป็นไปได้ก็ใช้แทนได้เลยครับ

ถ้าไปกินอาหารที่ขายแบบทั่วโลก เช่น McDonald, KFC, โค๊ก, เป็ปซี่ พวกนี้ค้นหาเจอแน่นอน ใช้ของมันได้เลย

แต่ก็มีหลายอย่างที่หาไม่ได้จริงๆ เช่น ลาบเป็ด บัวลอย ซาลาเปาลาวา ฯลฯ ผมก็ค้นใน Google หาเลยครับว่า “ลาบเป็ด กี่แคล” , “บัวลอย กี่แคล”, “ซาลาเปาลาวา กี่แคล” พอได้ข้อมูลมาแล้ว เราก็ไปสร้างเมนูอาหารขึ้นมาเองแล้วกรอกจำนวนแคลลอรี่ลงไป

แล้วถ้าไปกินอะไรที่มันมีตารางโภชนาการ ส่วนมากเป็นของผลิตขายตามห้างและร้านสะดวกซื้อ เช่น นมถั่วเหลืองแล็คตาซอย, โค๊ก, เป็ปซี่, ชาเขียว(บางยี่ห้อ) เราก็สร้างเมนูและกรอกข้มูลตามตารางนั้นได้เลย เพื่อความแม่นยำ

Wearable Device วัดค่าได้แม่นไหม

ข้อนี้ ผมตอบไม่ได้จริงๆ และจากที่เคยใช้แค่ Jawbone UP24 ผมเคยนับก้าวเอง กับดูในโปรแกรมที่มันบันทึกได้ บางทีก็ตรง บางทีก็ไม่ตรง หรือไปเล่นฟิตเนสที่มีเครื่องคำนวณแคลลอรี่ ก็ไม่ตรงเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ถ้าคุณเคยอ่านข้อมูลพวก การใช้พลังงานในการออกกำลังกาย ปริมาณแคลลอรี่ในอาหาร คุณเองจะพอประมาณการได้นะ ซึ่งใช้ไปสักพักจะจำได้เองว่า เราออกแรงประมาณนี้ เวลาเท่านี้ แล้วเครื่องมือก็วัดได้ไม่ต่างกับข้อมูลที่เคยอ่านมา ผมก็ถือว่าเหมาะสม

สำหรับตัว Jawbone เอง มันบันทึกได้ว่า เราออกแรงมากหรือน้อย กี่นาที ประเภทการออกแรงคืออะไร แต่ผลแคลลอรี่ที่ได้ บางทีเยอะเกินไป ผมก็จะปรับลดปริมาณการออกแรงเองเพื่อให้เหมาะสมกับที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสม (ส่วนใหญ่จะลดลง ไม่ค่อยเพิ่ม ถือว่าควรออกแรงเยอะๆ ดีกว่าออกน้อย, อาหารก็เช่นกัน ประมาณไว้ให้เยอะกว่าปกตินิดหน่อย จะได้พยายามไม่กินมาก)

แต่มีเพื่อนผมบอกว่าจับการนอนถือว่าแม่นพอสมควร ผมเองก็รู้สึกเช่นกัน เคยทดสอบด้วยการนอนทำสมาธิ ปรากฏว่า มันจับได้ว่าผมหลับลึก แต่พอผมหลับไป มันก็ตื้นบ้างลึกบ้าง แต่ผมเองก็ไม่รู้สึกตัวหรอกนะ เลยไม่รู้จะทดสอบอย่างไรดีในช่วงไม่รู้ตัว ฮ่าๆ

สรุป

ก็ประมาณนี้ครับ ผมถือว่าโอเคนะ กับคนที่ออกกำลังกายบ่อยๆ คนต้องการคุมอาหาร อย่างน้อยก็มีบันทึกคอยไว้เตือนตัวเองว่ากินมากไป ออกกำลังน้อยไป ส่วนใครสงสัยเพิ่มเติมก็คอมเม้นถามได้ แล้วจะตอบให้ครับ

ถ้าอยากได้ข้อมูล Jawbone แบบที่ผมใช้ มีคนรีวิวดีๆ รายละเอียดครบ ตามนี้ครับ

  • http://www.manager.co.th/CBizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9570000057519
  • http://specphone.com/web/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-jawbone-up24-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-bluetooth-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%81/89375

ป.ลิง ยกตัวอย่างจากที่ใช้จริง ไม่ได้รับตัง Jawbone มาเขียนนะแจ๊ะ

นี่ไง ของแถวที่ดั้นด้นไปซื้อถึงเซ็นทรัลเวิร์ล เป็นถุงใส่น้ำ Jawbone และหูฟังกันน้ำ Philips, ประเมินกับคนขายว่า ถ้าไปซื้อเอง หูฟังก็น่าจะพันสอง ถุงน้ำน่าจะ 3-4ร้อย

ตัว Jawbone ไม่มีจอ และไม่มีอะไรเลย (เศร้า) แต่มันก็ดูคงทนแข็งแรงดี ทำจากยางอะไรสักอย่าง ชื่อ hypoallergenic TPU rubber ยืดหยุ่นได้ดี กันน้ำได้ แต่ใส่ว่ายน้ำดำน้ำไม่ได้ ตรงนี้ผมไ่รู้ว่ายี่ห้ออื่นที่มีจอหรือเป็นมือถือได้ด้วย มันจะทนหรือลุยแบบนี้ไหมนะ แต่สำหรับผม มันเหมาะกับเข้าป่า ลุยฝน เปียกเหงื่อ นะ

 

ทั้ง Jawbone UP และ UP24 มันจะถอฝา เพื่อเสียบตัวแปลงเป็น USB ได้ เอาไว้ชาร์ตไฟ (1-2 ชั่วโมง ไฟเต็ม อยู่ได้ 7 วัน) แต่ถ้า UP จะต้องเสียบเพื่อดึงข้อมูล (Sync)

หน้าตาของ Application UP มันก็ประมาณนี้ สรุปเลขของการ นอน ขยับ กิน ต่างๆนานา

 

มันบอกได้ว่าเราอยู่เฉยๆกี่นาที หายไปกี่แคล และออกกำลังกี่นาที หายไปกี่แคล รวมแล้วครบ 10,000 ก้าวไหม (มันใช้คำว่า step เป็นตัววัด จริงๆไม่ต้องเดิน แต่ปั่นจักรยาน ยกน้ำหนัก มันก็จับได้นะ แปลงออกมาเป็น step ให้)

เรื่องอาหารต้องเลือกหรือกรอกเอง แล้วมันจะบอกว่าเรากินมากไปหรือเปล่า

การนอนก็บอกได้ว่า หลับลึก หลับไม่สนิท กี่นาที หรือมีการตื่นกลางดึกกี่ครั้ง กว่าจะนอน กว่าจะตื่น ใช้เวลากี่นาที ครบ 8ชั่วโมงไหม

มันจะมีคำแนะนำต่างๆให้เราทุกวัน อันนี้มันวิเคราะห์ให้ผมว่า เมื่อคืนนอนไป 5 ชั่วโมง ต้องกินโปรตีนเยอะๆในตอนเช้าด้วยนะจ๊ะ เช่น ไข่6กรัม

 

 

ความเคยชิน

 

ผมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวดินแดงได้หกเดือน
ย่านนี้มีมีอะไรน่าสนใจเยอะมาก โดยเฉพาะคนแปลกๆ

ลุงขาพิการ ที่ทุกเช้าจะเดินไปไหนสักแห่ง แล้วดึกๆก็เดินกลับมา
ถ้าใครใจดีไปช่วยพยุงแก แกจะแจกเลขหวยเสมอๆ

ศิลปินนิรนาม คาดว่าศึกษาจบจิตกรรมและภูมิศาสตร์ หรืออาจจะผังเมือง
แกจะวาดแผนที่บนเสาทุกต้นใต้สะพานข้ามแยก พร้อมตีเป็นเลขเด็ดให้เสร็จสรรพ

ที่เจ๋งคือศิลปินท่านนี้ลายมือแกสวยกว่าผมด้วยว่ะ

ส่วนคนที่ผมจะเล่า ผมขอเรียกแกว่า คุณป้านักเขียน ก็แล้วกัน

แกใช้ชีวิตอยู่ที่ป้ายรถเมล์โรงเรียนแม่พระฯ ประมาณ 3 เดือน
กิจวัตรที่ทุกคนชินตาคือ แกจะยิ้ม บ้างหัวเราะ และบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ส่วนมือแกจะขีดเขียนอะไรสักอย่างในหนังสือตลอดเวลา
(ตอนแรกผมคิดว่าแกเป็น คนๆเดียวกับที่วาดแผนที่ลายแทงตามเสาสะพาน)

ด้วยความที่แกกินนอนตรงนั้น แกเลยเหมาเก้าอี้ป้ายรถเมล์ไปเต็มๆหนึ่งป้าย
เทศกิจไม่สนใจ สังคมสงเคราะห์ไม่มายุ่ง ทุกคนมองแกดั่งญาติมิตร
อาจเป็นเพราะ “กรุงเทพมหานคร ทั้งชีวิต เราดูแล”

แต่วันนี้ชื่นมื่นมากครับ เมื่อคนใจดีเอาเตียงพับไปให้แก
มีคนส่งภาพมาให้ผมทาง Line
เห็นแกนอนสบายใจเฉิบ อยู่หลังป้ายรถเมล์
เราก็ยินดี และดีใจด้วย สบายเสียที

ตกกลางคืน ผมเดินผ่านไปป้ายรถเมล์
ก็เห็นแกกลับไปนอนที่เก้าอี้เหมือนเดิม
ขาพาดพนักพิงหนึ่งข้าง ห่มผ้าหลับสบาย
ทิ้งเก้าอี้ลายดอกว่างเปล่า ไว้ให้ดูต่างหน้า

คิดแง่ดี แกอาจแยกไว้เป็นเตียงนอนในฤดูหนาว
หรือไม่เช่นนั้น ความสุขสบายก็อาจเทียบไม่ได้กับความเคยชิน

 

ภาพตอนกลางคืนที่ผมไปเจอมา

 

 

ภาพตอนกลางวัน ถ่ายโดยคุณ “อัลเทอร์เนทีฟไทย!!”


10 Jun 2014 23:42 – บ้านดินแดง

ชีวิตคู่และโต๊ะกินข้าว

การใช้ชีวิตคู่ ฉันขอเปรียบเทียบกับการนั่งกินข้าวด้วยกัน

บางคู่ฉันเห็นนั่งตักกัน เดิมทีฉันคิดว่าเขาน่าอิจฉา แนบเนื้อและใกล้ชิด แต่แล้วฉันก็พบว่า นั่งนานไป ต่างคนต่างรู้สึกอึดอัด ผู้หญิงคงไม่ถนัด ผู้ชายก็ทำอะไรไม่สะดวกเป็นแน่แท้

บางคู่ฉันเห็นเขานั่งข้างกัน ระยะห่างของคนสองคนดูน่ารักและใส่ใจกันดี แต่ฉันก็เชื่อว่า ถึงใกล้ชิด ก็แลกกับการที่ต่างคนก็ได้เห็นแค่ด้านเดียวของกันและกัน

แต่คู่ที่ฉันรู้สึกว่าดีที่สุด คือการนั่งฝั่งตรงข้ามกัน มีพยานรักคั่นกลางเป็นช่อดอกไม้ อยู่เพื่อเฝ้ามองกันและกัน ใส่ใจด้วยการสบสายตา และหยอกล้อกันด้วยการเขี่ยเท้าใต้โต๊ะ

แต่ถึงอย่างไร รักย่อมงดงามเสมอในสถานที่และเวลานั้น แม้ไม่มีใครเก็บมันไว้ แต่มันก็ไม่ได้หายไปไหน..


5 Jun 2014 – บ้านดินแดง

มาทำ Daily Task กันเถอะ

ทำงานมาหลายปี ถูกปลูกฝังให้จดบันทึกและวางแผนไว้ตลอดเวลา ซึ่ง Daily Task  ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกสั่งสอนและทำมาโดยตลอด แม้ทุกวันนี้จะไม่ต้องให้เจ้านายดูแล้วก็ตาม (ครั้งแรกที่ทำ ตอนนั้นเจ้านายขอดูเลยต้องทำ พร้อมส่งให้เพื่อนในทีมได้ดูด้วย)

เจ้า Daily Task (หรือ Job Daily หรือ To-Do ตามสะดวก) จริงๆ คือการจดบันทึกว่า วันนี้จะทำอะไรบ้าง เจ๋งหน่อยก็วางแผนล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร หรืออาทิตย์หน้าจะทำอะไร

ถามว่าเสียเวลาเป็นขั้น Advance ไหม ก็เสียเวลา, ถามว่าเบื่อไหม แรกๆก็เบื่อ แล้วถามว่าจะชวนทำไปทำไม ก็จะตอบให้ ดังนี้ Continue reading “มาทำ Daily Task กันเถอะ” »

แรงงานต่างชาติ

ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้งานแรงงานต่างชาติเท่าไร โดยเฉพาะชาวพม่า จนเมื่อเร็วๆนี้ ได้เจอและได้คุยกันบ่อย ตอนที่เขาต้องมาทำห้องที่คอนโด

สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชื่นชมเขาคือ ถ้าหัวหน้าสั่งอะไรไปแล้วเขาทำไม่ได้ เขาก็จะบอกหัวหน้าตรงๆ ต่อหน้าผมเลยว่าทำไม่ได้ เพราะอะไร ติดปัญหาอะไร ไม่มียึกยัก หมกเม็ด หรือโยนงานให้เพื่อนคนอื่นต้องทำ. แล้วเป็นกับทุกคนด้วยนะครับ (หรือเป็นเฉพาะทีมในคอนโดนี้ก็ไม่ทราบ)

แต่ถ้าอะไรเขาทำได้ เขาก็จะก้มหน้าก้มตาขยันทำงานจนเสร็จ

ผมซ่อมพื้นห้องอยู่สามสี่ครั้ง สังเกตเห็นว่าแรงงานเหล่านี้มีพัฒนาการจากครั้งแรกพอตัวเลย ถ้าเทียบจากปัญหาเดียวกัน ความแรงเท่ากัน ทุกหัวข้อดีขึ้นหมด ทั้งเวลาในการซ่อม ความประณีต และวิธีการแก้ไข

ตัวอย่างเช่น ปัญหาพื้นลามิเนตเคลื่อนตัวห่างกัน ปัญหานี้ซ่อมไปครั้งหนึ่งซึ่งครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรใหม่นอกจากการตอกกลับให้แน่นเข้าที่ แต่แล้วเวลาผ่านไป มันก็เคลื่อนตัวอีก ผมเลยคิดว่าควรอุดซีลีโคนระหว่างช่องว่างของบัวและพื้น, ปรากฏว่า ผมยังไม่ทันบอกความต้องการ เขาก็เสนอขึ้นมาเองตามวิธีที่ผมจะให้เขาทำ พร้อมบอกเหตุผลเลยว่า ยืดหยุ่นได้ ถ้าพื้นหดในหน้าหนาวหรือบวมออกในหน้าฝน, ตั้งแต่นั้นมา พื้นผมก็ไม่มีปัญหาการเคลื่อนตัวอีกเลย

มันชวนให้ผมคิดถึงร้านลือชาฟู้ดคอร์ท ในซอยลือชา (ซ.พหลฯ 1) หรือแม้แต่ร้านเสต็ก Eat Am Are Steak at Fashion Mall ที่มีแรงงานชาวต่างชาติ ถ้าไปก็ลองสังเกตดีๆ ครับ ว่าพนักงานที่นั่นขยันมาก เรื่องแย่งกันรับลูกค้า อาจพอเข้าใจได้ว่าเขาคงได้คอมมิชชั่น แต่การแย่งเทคแคร์ลูกค้า อันนี้ผมก็ไม่ทราบแรงจูงใจ หรือแรงบรรดาลใจอะไร ทำให้เขาเป็นแบบนั้น

ชื่นชมครับๆ แต่ก็แอบน่ากลัวครับ เพราะแรงงานต่างชาติวันนี้โดยเฉพาะพม่า เขาเหมือนคนจีนยุคก่อนที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ แล้วทำงานทุกอย่างที่คนไทยไม่ทำ

เขาได้เงินรายวันรายเดือนกันเท่าไรผมก็ไม่ทราบ รู้แค่คนในรูปส่งเงินกลับบ้านจนสร้างบ้านให้ครอบครัวอยู่ได้หละครับ

ปล1. เสริมย่อหน้าสุดท้าย พม่านิยมจ่ายอะไรด้วยเงินสดนะครับ ระบบบัตรเครดิตหรือกู้หนี้ยืมสินผา่นธุรกรรมทางธนาคารไม่ได้เจริญและแพร่หลายแบบเรา

 


บ้านดินแดง – 25 May 2014 23:51

Exit mobile version