16 Jun วันที่มีเรื่องไม่พอใจผมขี้หงุดหงิดรออาหารนาน จนเธอไม่อยากคุยกับผม
ผมคิดว่า เดี๋ยวอะไรหลายๆ อย่าง คงจะผ่านไป และกลับมาเป็นเหมือนเดิม

3 July วันที่เธอบอกผมว่าอยากอยู่คนเดียวสักพัก แต่ไม่ได้จะเลิก
เธออธิบายสิ่งต่างๆ ที่เราไม่เคยคุยกันมาก่อน ผมไม่เข้าใจเธอ ทัศนคติไม่ตรงกัน เธอไม่อบอุ่นเมื่อได้อยู่กับผม แม้เธอเหมือนจะแข็งกระด้าง แต่เธอก็ต้องการความโรแมนติกและความใส่ใจ เธอปากไม่ตรงกับใจหรอก ปากบอกไม่เป็นไร แต่ในใจร้องไห้ไปแล้ว ยิ่งพอเธอบอก ผมกลับปล่อยผ่านไป เพราะผมเชื่อว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ ซึ่งสะสมมาเรื่อยๆ จนเธอขอเวลาอยู่คนเดียวที่จะไปทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ไม่ได้จะเลิกกับผม ซึ่งผมก็ตกใจในเรื่องราวนี้ และไม่โอเค และกลัวว่าเธอจะคิดอะไรบางอย่าง และเลิกกับผมจริงๆ

5 Aug วันที่เธอบอกผมว่า เธอไม่อยากไปต่อแล้ว
ผมเสียใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากเธอ และคิดเพียงว่าอาจจะเป็นความคิดเธอเพียงชั่ววูบ ผมยอม ยอมทุกอย่าง อะไรก้ได้ถ้าทำให้เธอสบายใจ

… ช่วงเวลานี้เธอกลับมาลองทำเป็นปกติกับผมอีกครั้ง อาจจะเพื่อลองว่าไปต่อได้ไหม…
… ผมก็พยายามทำอะไรให้ดีขึ้น แต่คิดว่าคงทำไม่พอ หรือไม่ตรงจุดเธอ บรรยากาศมันเลยไม่ได้มีอะไรดีขึ้น…

19 Sep วันที่เธอบอกผมว่า เราได้ลองกันแล้ว มันไม่มีอะไรดีขึ้น และเธอบอก เราเลิกกันเถอะ
แม้ผมทำใจมาบ้าง แต่ก็ยังเสียใจมากๆอยู่ดี ผมไม่ตกลง และให้โอกาสเธอได้คิด ได้อยู่คนเดียว ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ผมสงสัย ผมมีคำถาม ทำไม เพราะอะไร และเธอรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว สิ่งที่เธอเคยบอกรักมา มันเริ่มตอนไหนที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมสับสน เคว้งคว้าง ผมอยากปรับ อยากให้เราได้ปรับกัน ผมยอมทำทุกอย่าง ผมคิดว่าเรามานั่งคุยกันได้ไหม มันน่าจะยังมีโอกาสที่จะดึงเธอกลับมาได้

22 Sep วันที่ผมย้ำกับเธออีกครั้ง
ผมพยายามหาเหตุและผลกับเธอ และทำตัวแย่ในหลายๆ ครั้ง เธอได้แต่บอกผมว่า อย่าไปรื้อฟื้นเรื่องในอดีตเลย คำๆนี้ ทำผมดิ่งนะ ผมเลวขนาดนั้นเลยหรอถึงไม่อยากพูดถึง แต่ที่ผ่านมาทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นล่ะ หรือเพราะเธอไม่มีความสุข แต่เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาตลอดเลยอย่างนั้นหรือ เธอไม่เคยปริปากแต่ต้องทนอยู่กับผมอย่างนั้นเหรอ ผมเฟลในตัวเองอย่างมากแบบบอกไม่ถูก

5 Oct วันที่ผมบอกเธอว่า ผมจะยอมปล่อยมือเธอไป
วันนั้นผมคิดเพียงว่า ผมอยากให้เธอมีความสุขที่สุด แม้ผมจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธออีกแล้วก็ตาม สิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ผมจะให้เธอได้ในฐานะแฟน คือการไม่ยื้อเธอไว้กับผมอีก ยอมให้เธอได้เดินจากผมไป แม้ผมจะไม่อยากทำแบบนั้นก็ตาม แต่ผมก็หวังลึกๆว่า เมื่อเธอสบายใจแล้ว ห่างกันสักพักแล้ว ความรู้สึกของเธอต่อผมคงมีอะไรดีขึ้นบ้าง ผมขอเพียงได้มีความรู้สึกดีๆอีกครั้งจากเธอ

8 Nov วันที่ผมเห็นเธอโพสต์ว่าโสดครั้งแรก
แม้ประโยคจะดูไม่ได้จริงจังอะไร แต่ผมกลับรู้สึกตกต่ำมาก ช้ำใจนะ เหมือนอกหักซ้ำอีกรอบ แต่แม้ไม่พอใจอย่างไร ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะบอกเธอ และที่ซ้ำเติมความรู้สึกคือทุกคนเข้าใจเธอผิดไปและไม่ฟังผม คนที่อยู่กับเธอมาตลอด

5 Dec ในวันที่ผมเห็นเธอมีความสุขกับกิจกรรมต่างๆ
ผมมีความสุขกับเธอด้วยนะ ผมรู้สึกว่าผมอยากอยู่ตรงนั้น อยากอยู่กับเธอ อยากเทคแคร์ อยากยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกันบนยอดเขาใดเขาหนึ่ง อยากนั่งมองคลื่นริมทะเลไปกับเธอ ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมไม่ได้เสียใจที่เราเลิกกัน แต่ผมเสียใจที่ผมไม่ได้อยู่ทำอะไรต่อมิอะไรกับเธอต่อ และเสียน้ำตาไปกับความสุขในอดีต มากกว่าความเศร้าในปัจจุบัน

2 Jan ในวันที่ผมเห็นเธอโพสต์ว่าโสดครั้งที่สอง
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมมองเธอในแง่ลบ ผมรู้สึกเธอไม่แคร์ความรู้สึกผม ผมคอมเม้นไปสั้นๆว่า “ครับ” ด้วยความร้อนรน แต่ผมก็เริ่มคิดได้ว่า เธอไม่ผิดอะไรที่เธอจะทำแบบนั้น และผมกำลังไปวุ่นวาย ไปทำให้เธอรำคาญผมเปล่าๆ ผมเลยรีบกลับไปลบคอมเม้นนั้นออก ไม่รู้หรอกว่าเธอทันเห็นไหม เดาว่าคงไม่.. ผมทำได้แค่เก็บความรู้สึก เสียใจ ดาวน์ และร้องไห้ แต่ที่ทรมานคือ ต้องทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้กระทั่งเพื่อนจะแคปมาซ้ำเติม เพราะคิดว่าการทำแบบนี้จะช่วยทำให้ผมเกลียดเธอและ Move On ได้ไวขึ้น แต่พวกมันคิดผิด ผมกลับรู้สึกแย่หนักไปกว่าเดิม

3 Jan วันที่ผมโพสต์ปลดล็อก เพราะไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด
ผมพยายามรวบรวมความกล้า ค่อยๆ เขียน เรียงเรียง ในเรื่องต่างๆระหว่างผมกับเธอ และโพสต์สาธารณะครั้งแรก เพราะไม่อยากให้ใครก็ตามมองว่าเธอเลิกกับผมเพราะมีคนใหม่ และไม่อยากให้ใครก็ตามต้องมองว่าการที่เธอโพสต์ว่าโสด มันไม่เหมาะสมเพราะยังมีแฟนอยู่ แต่นั่นเพราะเขาไม่รู้เรื่องของเรา แม้ผมจะรู้สึกน่าอายและเธออาจจะโกรธที่ทำแบบนี่ แต่ผมก็รู้สึกสบายใจ เหมือนได้ปลดล็อกว่าทุกคนรู้แล้ว ผมไม่ต้องปกปิดใครอีก ไม่ต้องมาแอบถามกันทีละคน หรือไปคุยกันต่อเองแบบผิดๆ และผมก็คิดว่าเธอเองก็จะได้ใช้ชีวิตได้เต็มที่ในแบบที่เธอต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองเธอแบบผิดๆ

9 Jan ในวันที่เธอโพสต์ว่าเธอมีความสุข และชอบตัวเองในแบบนี้
ผมคิดว่าผมคิดถูกแล้ว ที่ผมยอมปล่อยมือเธอไปในวันนั้น แม้จะทำให้ผมต้องเสียใจก็ตาม แต่การได้ตามใจเธอ แล้วเธอรู้สึกดี มันก็ทำให้ผมแอบดีใจลึกๆนะ และก็มีความสุขไปกับเธอด้วย ที่เห็นเธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่ก็ยังเสียใจอยู่ดี ที่ไม่มีผมอยู่ในนั้น และผมก็แอบหวัง ว่าการที่เธอได้ใช้ชีวิตแบบนั้น เธอจะคิดถึงผมบ้าง และรู้สึกว่าถ้าผมอยู่ด้วย มันน่าจะดีกว่านี้

10 Jan ในวันที่ผมรู้สึกว่าเธอเริ่มไม่ต้องการผม
หลังจากเธอกลับเที่ยวดอย ผมชั่งใจว่าจะถามไถ่เธอดีไหม จนผ่านไป 2 วัน ผมถึงเริ่มทักเธอ แต่คำตอบเธอสั้นๆ เหมือนเป็นคำถามที่งี่เง่า ที่ผมควรไปหาอ่านเองก็ได้จากที่เธอโพสต์… อืม ผมคิดได้แบบนั้นจริงๆ หลังจากถามเธอไปแล้ว และผมก็ทำได้แค่นี้ ขอเฟดเงียบๆ ไม่รบกวนเธอดีกว่า แม้ในใจจะคิดถึง เป็นห่วง อยากคุยแค่ไหนก็ตาม

12 Jan ในวันที่ผมเห็นเธอโพสต์ว่าโสดครั้งที่สาม
แม้เธอจะบอกกับเพื่อนว่าโพสต์ขำๆ ผมก็เหมือนอกหักอีกครั้ง แล้วก็ดาวน์อีกครั้ง และเหมือนหลายๆ อย่าง ที่รวมกัน ผมเริ่มรู้สึกว่าที่คบกันช่วงปีหลัง ที่อยู่ด้วยกัน และเธอบอกมีความสุข เธอพูดโดยที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า เพราะถ้าการมีผมและทำให้เธอมีความสุขจริงๆ มันก็คงน้อยกว่าที่เธอใช้ชีวิตโดยไม่มีผม เหมือนที่บางคนเคยบอก ถ้าเราอยู่ที่ไหนแล้วมีความสุข ให้เราอยู่ที่นั่น และเธอก็เลือกที่จะมีความสุขแบบไม่มีผม.. นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มมองแบบที่บางคนเรียกว่ายอมรับความจริงหรือเปล่านะ ว่าเธอไม่รู้สึกแบบที่บอกผมจริงๆ เธอไม่ได้รักผมมานานแล้ว แต่จากที่ไล่เรียง ดูจะสมเหตุสมผลกับความเป็นจริงที่สุดแล้ว.. แม้ความรู้สึกนั้นเธอจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือที่ผมคิดจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม แต่ผลลัพธ์มันได้ออกมาแล้ว

ผมเริ่มตั้งคำถามอีกครั้ง อดีตเริ่มผุดมาในหัวของผม ให้ได้ทบทวนว่าทำอะไรไม่ดีกับเธอไปบ้าง ผมพลาดตรงไหน คำตอบคือ ผมเริ่มรู้สึกว่าผมไม่ได้ทำอะไรดีๆ กับเธอเลย และที่ผ่านมาเธอยอมปกปิดความไม่ชอบใจนั้นมาตลอด เพื่อให้ชีวิตคู่เราดำเนินไปได้เรื่อยๆ เพื่อเสริฟความสุขให้กับผมได้เรื่อยๆ จนผมรู้สึกไปเองว่าทุกอย่างมันโอเค ในขณะที่เธอไม่โอเค สะสมจนวันที่ทุกอย่างปะทุ ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเจอ ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากไปต่อ เหมือนไม่มีอดีตดีๆ ใดๆ ให้หวนนึกถึงอีก จนทำให้ผมรู้สึกตามเธอไปเลยว่าทุกอย่างเหมือนผมฝันไป ณ บัดนี้ผมตื่นมาแล้ว และพบว่าทุกอย่างกลับไปเหมือนผมไม่เคยมีเธอ สิ่งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นจริง มันโครตเสียใจมากเลยนะ

….

ผ่านไปแล้ว 10 วัน ที่ผมมองเธอห่างๆ แม้คิดถึง เป็นห่วง อยากพูดคุยด้วย แต่บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้ว่าผมควรทำตัวอย่างไรไม่ให้เธอต้องรำคาญผมไปมากกว่านี้ และการไม่มาอยู่ในชีวิตผมก็อาจจะรวมอยู่ในสิ่งที่ผมไม่มีอะไรให้น่าสนใจด้วย ผมเริ่มรู้สึกว่านอกจากเธอแล้ว ผมยังอาจทำให้คนรอบตัวต้องมาเบื่อและรำคาญ ก็แอบเบื่อตัวเองอยู่เหมือนกัน รู้สึกไม่ได้ดีและน่าเบื่อ รู้สึกอยากหายไปจากตรงนี้ ไม่อยากทำอะไรอีกเลย แต่แม่งชีวิตก็ต้องเดินต่อไป งานยังต้องทำ ยังต้องเจอผู้คน แต่ก็เท่าที่จำเป็น ออกไปกิจกรรมบ้าง เสแสร้งต่อไปว่ากูโอเค แม่งไม่คิดเลยว่าจะเป๋ขนาดนี้ ไม่เคยศรัทธาพวกจิตแพทย์ แต่ตอนนี้ก็อยากลองไปหาดูว่ะ ว่ากูเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลา หรือเปล่า แต่อีกใจก็คิดว่าไม่เป็นหรอก ยังรู้สึกตัวได้ดี มีสติ คุมอารมณ์ได้อยู่ แต่แค่แม่งไม่มีความสุขในชีวิตๆ ก็เท่านั้น หรือก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของคนเศร้า คนเสียใจวะ เออสับสนดี

Published by iFew

ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ชื่นชอบหลายเรื่องที่ไม่น่าจะไปกันได้ ทำงานไอที แต่ชอบท่องโลกกว้าง รักประวัติศาสตร์ แต่ก็สนใจเทคโนโลยี ชอบสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และไปป้ายยาคนอื่นต่อ

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Exit mobile version