Day 7 – ABC -> MBC -> Deureli -> Hotel Himalaya -> Bamboo -> Sinuwa

เช้านี้สะดุ้งตื่นเพราะมีเพื่อนสาวตะโกนปลุก “ตื่นๆๆ วิวสวยมาก รีบออกมาถ่ายรูปเร็ว” ชายทั้งสิบคนในห้องนั้น สะดุ้งโหยง รูปซิปถีบตัวออกจากถุงนอน ใส่รองเท้าเทรกฯ แล้วคว้ากล้องอย่างลืมความหนาวไปชั่วขณะ

ผมเดินเลาะหน้าผาเลยบ้านพักขึ้นไป ตอนนั้นเอง แสงเริ่มส่องผ่านยอดเขาให้เป็นสีทองทุกยอด สวยมากครับ ถ่ายมุมไหนก็สวยรอบด้านไปหมด ผมยืนอยู่ริมหน้าผาระหว่าง Glacier (ธารน้ำแข็ง) ขนาดใหญ่ ตรงข้ามผมเป็นยอดเขา Annapurna I (สูง 8,091 เมตร) ด้านข้างเป็นยอดเขา Annapurna South (สูง 7,219 เมตร) และ Hiunchuli (สูง 6441 เมตร) ส่วนด้านหลังผมเป็นยอดเขา Machapuchare (สูง 6,993 เมตร)

รอบตัวผมโอบล้อมด้วยภูเขาหิมะสูงตระหง่าน อลังการได้ใจจริงๆ.. คือบอกตามตรง ตอนนั้นแม้จะปวดขรี้มากก็ตาม แต่ก็ยอมทนจนถ่ายรูปให้ได้เยอะที่สุด สวยจริงๆ ครับ

หลังจากถ่ายรูปกันอย่างจุใจ ก็รีบเก็บของและกินข้าวเช้า วันนี้ถึงจะเป็นแซนวิชแฮมชีส ไม่ใช่ข้าวผัดผักไข่ดาว แต่ก็กินไม่ค่อยลง กินได้ชิ้นเดียว แล้วก็ฝืนกินอีกชิ้น เพราะกลัวไม่มีแรงเดินทางไกล ซึ่งวันนี้จะเป็นวันที่เดินไกลที่สุดในทริป ประเมินว่าอาจจะ 10-12 ชั่วโมง

ทุกคนในตอนนั้น ไม่ว่าจะกลุ่มไหน จะแวะถ่ายรุปกับป้าย ABC กันอีกครั้ง เพระาแสงสวย ฟ่สใส และอากาศไม่หนาวมาก หากใครพลาดโอกาสหรือเหนื่อยช่วงขามา ก็ยังมีให้แก้มือได้ตอนนี้แหละครับ

ขาลงจาก ABC พวกเราเริ่มไม่กลัวหิมะแล้ว และแนะนำเลยครับว่าห้ามพลาด คือการวิ่งสไลด์หิมะลงมา คล้ายๆเล่นสกี แต่ใช้เท้าเดินลากๆ ให้มันไหลๆลงมา เหมือนเราเดินไหลลงมาจากทรายครับ สนุกมากๆ มีโอกาสเล่นได้แค่ช่วง ABC ถึง MBC เท่านั้นนะเออ ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ (ตอนนั้นสนุกจนลืมความกลัวว่าจะตกหลุมไปเลยหละ)

เราเดินผ่าน MBC, Deurali จนมาพักทานข้าวเที่ยงแถว Himalaya Hotel ประมาณบ่ายโมง แต่ก็คงเร่งเดินต่ออย่างเดียวแทบไม่ถ่ายรูปเลยท่ามกลางฝนตกๆหยุดๆ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเท้าบวม คือมีอาการรองเท้าคับขึ้น และนิ้วชนปลายรองเท้า ผสมกับเริ่มเจ็บฝ่าเท้าเล็กๆ

เราถึงที่พักที่อยู่ระหว่างเมือง Sinuwa และ Chomrong ผระมาณสองทุ่ม (เพราะที่พัก Sinuwa เต็ม T-T) ระหว่างทางมืดมากครับ เดินสวนกับคนเนปาล ทั้งเดินมาเดี่ยวๆ และเดินแบกของ คือพวกเขาไม่มีไฟกันเลย แต่ก็เดินกันได้ เหมือนกับตอนลูกหาบมาช่วยเราที่เมือง Deurali ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นความสามารถพิเศษของคนเนปาลนะ สามารถมองเห็นในที่มืด คือมืดสนิทจริงๆครับ แสงจันทร์แทบไม่มี ทางก็เป็นดิน เป็นหิน ขรุขระ พวกเขาเก่งมากๆ

ผมถอดรองเท้าออกมาดูปรากฎว่าเท้าชื้น ซีดขาว และบีบกันเป็นรอยลึก คิดว่าถ้าเดินนานไปกว่านี้คงแตกเป็นแผลเลือดออก พอเช็ดให้แห้งแล้วเริ่มหายซีด พบว่าฝ่าเท้าช้ำเป็นสีม่วงๆ และส่วนตามปลายนิ้วก้อยนิ้วชี้ที่เท้า มีตุ่มน้ำใสๆ ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่หลายคนก็เป็นอาการคล้ายกันนี้ ซีด ขาว ช้ำ เจ็บนิ้ว บางคนถึงกับเล็บม่วงและจะหลุด

ถ้าเจออาการเท้าชื้น ผมไม่แน่ใจว่าวิธีที่ถูกต้องควรทำอย่างไร แต่ผมรีบไปล้างเท้า (เพราะมันเหม็นมากๆ) แล้วเช็ดให้แห้ง โรยแป้ง นอนเลย ลดการใช้เท้าครับ เพราะต้องเตรียมเดินต่อในวันรุ่งขึ้น

ผมเช็คระยะทางจากแอ๊พ พบว่าวันนี้เดินต่อเนื่องถึง 24 กิโลเมตร กินเวลาไป 12 ชั่วโมง และเบิร์นแคลลอรี่ไปเจ็ดพันกว่า นับว่าเป็นสถิติเดินมากสุด นานสุด เบิร์นเยอะสุดในชีวิตเลยหละ

คืนนั้นอยากอาบน้ำมาก มีเครื่องทำน้ำอุ่นจากแก๊สด้วย จ่ายตังซื้อด้วย แต่.. เปิดล้างได้แค่หัว ประมาณ 1 นาที แก๊สหมดครับ ซวยจริงๆ มาหมดที่เราพอดีเลย สรุปว่าได้ล้างหน้า ล้างเท้า ด้วยน้ำเย็นโครตๆ แล้วก็นอนเลย เซ็งจับจิต

Day 8 – Sinuwa -> Chomrong -> Jhinu -> New Bridge-> Kyumi -> Shiwai

เช้านี้สดชื่นมาก เพราะเป็นคืนแรกที่หลับสนิททั้งคืน เท้าอาการดีขึ้น ไม่แห้งซีดแล้ว แต่ยังเจ็บและช้ำ เลยต้องทาแป้งซ้ำและแปะพลาสเตอร์ฝ่าเท้า กับทุกนิ้วเลย ลดการเสียดสี

วันนี้ตื่นสาย จัดของก็ช้า อาหารเช้าเลยแทบไม่ได้กิน กินเป็นน้ำๆข้าวต้มกับไข่เจียว แล้วก็ได้ลองแป้งทอดอาหารพื้นเมืองของเขาด้วย คล้ายปาท่องโก๋บ้านเรา เออ อร่อยดี เสียดาย ไม่มีนมให้จิ้ม ฮี่ๆ

เดินทางออกมาใกล้ๆถึง Chomrong จะมีร้านขายของส่ง ตอนขามาผมไม่ได้แวะ เลยเพิ่งพบว่า ขายของถูกมากกกก สมควรซื้อตุนระหว่างทางทั้งไปและกลับ ขนม น้ำดื่ม น้ำหวาน ที่รัดเข่า ไม้เท้า แผนที่ ยา อุปกรณ์เดินป่า มีหมดเลยครับ

เส้นทางที่เราเดิน จะเลาะแม่น้ำไปเรื่อยๆ ไม่ชันมากนัก เดินสนุก ไม่ถึงกับเหนื่อย จะลำบากหน่อยตอนเมือง Sinuwa ไปลงๆ ขึ้นๆ ถึงเมือง Chomrong และลงต่อไปทางเมือง Jinhu ซึ่งรู้สึกว่าลงชันมาก พวกเราสวนกับคนไทยหลายกลุ่ม พวกเขามักถามเราว่าอีกไกลไหม เพราะส่วนใหญ่จะไปพักกันที่ Sinuwa พวกเราได้แต่ปลอบใจว่า ไม่ไกล เดี๋ยวก็ถึง แต่จริงแล้วแอบคิดในใจ เส้นทางของเอ็งสยองมาก เพราะต้องขึ้นจาก Jinhu ไปบนยอดเขาเมือง Chomrong แล้วลงสุดเพื่อขึ้นสุดเขาอีกรอบไป Sinuwa.. คิดแล้วก็ได้แต่เดินขำๆ ขอให้โชคดี

ที่เมือง Jinhu มีไฮไลท์อย่างหนึ่งคือ มีบ่อน้ำพุร้อน ครับ เสียดายที่พวกเราไม่มีเวลาแม้จะไปแวะดู เพราะต้องเดินต่อจากตัวเมืองลงไปอีก 15 นาที กินแรงและเวลาเกินไป

เมืองอีกเมืองที่ควรพูดถึงคือ New Bridge เป็นที่พักกินข้าวของเรา เพราะมีทางแยก สมควรจะรวมตัวกันก่อนป้องกันหลงทาง โดยเมืองที่เพิ่งสร้างใหม่ไม่นาน เขาทำสะพานข้ามไปไหนสักแห่งด้วย เลยทำให้ชาวบ้านย่นระยะทางจากเมือง Pokra ไป Chomrong จาก 3 วัน เหลือเพียง 1 วัน (คนที่เล่าคือ ชาวบ้านที่มาเต้นรำให้เราดูที่เมือง Chomrong นั่นแปลว่าเขาเดินทางมาแสดงจาก Pokra เชียวนะครับ!)

เมื่อใกล้จะถึงเมือง Shiwai ปลายทาง เราเห็นรถจิ๊ป รถบัส จอดรออยู่ไกลลิบๆ ทุกคนดีใจมาก ถึงกับอุทานว่า “ดีใจกว่าขึ้นถึงยอด ABC เสียอีก!”

อีกเรื่องที่อยากแนะนำครับ ถ้าเลือกเดินทางได้ อยากให้ไปด้วยรถจิ๊ป เพราะขากลับเข้าเมือง Pokra เราใช้รถบัสหวานเย็น วิ่งผ่านทางขรุขระๆ โยกไปมาตลอดทาง แถมถนนเลาะขอบเหว เสียวมาก ตอนแรกผมก็งงๆ ว่าจะมีเสาทำไมกลางรถ ตอนหลังถึงบางอ้อ ว่าเอาไว้ให้เกาะนี่เอง แถมมีราวให้โหนด้วย แต่ไม่ได้มีไว้ตรงทางเดินแบบบัสทั่วไปครับ เขาทำไว้ตรงคนนั่ง! ไว้ให้คนนั่งนั่นแหละเกาะเกาะห้อยโหน ใครฟิตๆจะโหนบาร์ต่อบนรถก็ไม่ว่ากัน เออ เข้าใจแล้วๆ แต่ ณ ตอนนั้น โยกแค่ไหนก็ตาม ผมก็หลับลงนะ เพราะเพลียสุดๆ กับ 8 วันที่ผ่านมา แต่ก็มีความสุขสุดๆเช่นกัน..

บทสรุป

หากใครตามอ่านแต่ต้นจนจบ ผมอาจเขียนให้เห็นทั้งมุมดีและมุมไม่ดี เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าจะเจออะไรและเตรียมตัวอย่างไร ถ้าหากมันทำลายความฝันใครบางคนไปเพราะกลัวว่าตัวเองจะไปไม่ไหว ผมอยากบอกว่าอย่าเพิ่งไปคิดแบบนั้นครับ

ครั้งนี้พวกเราไป 39 คน มีทั้งคนเคยเดินป่า คนไม่เคยเดิน และแม้แต่คนไม่เคยออกกำลังกายอะไรเลย ไปผจญภัยด้วยกัน ซึ่งวันแรกๆ เราก็ต่างคนต่างเดิน แต่สักระยะหนึ่ง ธรรมชาติจะจัดสรรเองว่า ด้วยพลังกายและพลังใจแบบนี้ นิสัยใจคอแบบนี้ มันจะพาเราไปพบกับเพื่อนใหม่ๆ และเรากับเขาเหล่านั้นเองที่จะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันไปตลอดการเดินทาง จนถึงจุดมุ่งหมาย

เมื่อใดใครคนหนึ่งเหนื่อย อ่อนล้า หรือบาดเจ็บ จะมีคนอีกคนคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ จะมีคนมุ่งมั่นพร้อมลุยและเผชิญอันตรายเป็นคนนำทาง และจะมีคนให้ความอบอุ่นปลอดภัยคอยเดินปิดท้าย สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นเสนห์ของการเดินป่า ที่ผมคิดว่ามันไม่ได้อันตรายและลำบากจนเกินไป เพราะนั่นเราคิดเฉพาะว่ามีเพียงเราตัวคนเดียวที่ต้องเผชิญ

สำหรับ ABC เป็นทริปเดินต่างประเทศของผมครั้งที่สอง (ครั้งแรก Kota Kinabalu) แต่เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทั้งไกล ทั้งนาน หลายๆอย่าง มากสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ก็คุ้มค่ากับบรรยากาศ อารมณ์ ความงาม ความแปลกใหม่ เพื่อนใหม่ ที่ได้รับมาตลอด 8 วันเต็มๆ แนะนำเลยครับ หากอยากลองเดินป่าครั้งแรกแบบไกลๆ และเจอร้อน ฝน ลูกเห็บ หิมะ ในที่ๆเดียวกัน ควรไปให้ได้ แล้วจะพบว่าการจัดกระเป๋าเดินทางแบบพร้อมเผชิญ 4 ฤดู มันยากจริงๆนะ ฮ่าๆๆ

จบละคร้าบบบ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ร่วมทริป ขอบคุณไกด์ ขอบคุณชาวเนปาล ขอบคุณทุกๆคนที่ประกอบกันทำให้ทริปนี้สมบูรณ์ และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชาวเนปาลให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

สรุประยะทางและเวลาทั้งหมด

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

แจกแจงค่าใช้จ่ายในทริป (Pocket Money)


ซีรี่ – 8 วันเดินเท้า ไปเข้าตู้เย็น ในนาม ABC

ตอนที่ 1-2 เริ่มต้นและเตรียมตัว
ตอนที่ 3 มุ่งสู่เนปาล และอันนาปุรณะ
ตอนที่ 4 พบรักที่ Poon Hill
ตอนที่ 5 รสชาติชีวิต
ตอนที่ 6 ในวงล้อมแห่งหิมะ
ตอนที่ 7 จากลาพร้อมบทสรุป

Published by iFew

ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ชื่นชอบหลายเรื่องที่ไม่น่าจะไปกันได้ ทำงานไอที แต่ชอบท่องโลกกว้าง รักประวัติศาสตร์ แต่ก็สนใจเทคโนโลยี ชอบสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และไปป้ายยาคนอื่นต่อ

Exit mobile version